นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รอง ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา เปิดปมวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ เผยมาจาก 3 ปัจจัยหลัก น้ำจากมาเลย์-ฝนซ้ำ-ทะเลหนุน
วันนี้ (26 พ.ย.) เฟซบุ๊ก “หมอเจด” ของ นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ภาพสะพานข้ามคลอง ร.1 ถนนศรีภูตัดใหม่ และสะพานหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นภาพสุดสะเทือนใจเผยให้เห็นน้ำขึ้นสูงจนปริ่มท่วมรถยนต์บนสะพานแล้ว
ทางเพจระบุข้อความว่า "จากข้อมูลสถานการณ์ล่าสุดในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.00 น.
ทุกเหตุการณ์ "มีความเชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่" โดยหาดใหญ่เปรียบเสมือน "คอขวด" ที่ต้องรับศึกหนักจากทุกทิศทาง
1. ศึกทางไกล (ต้นน้ำ): มาเลเซีย และ สะเดา คือ "ก้อนน้ำยักษ์"
ความเชื่อมโยง: น้ำไม่ได้มีพาสปอร์ตครับ มันข้ามประเทศได้เลย ฝนที่ตกหนักในรัฐทางตอนเหนือของมาเลเซีย (ติดชายแดนไทย) จะไหลลงสู่ที่ต่ำตามธรรมชาติ เข้าสู่ อ.สะเดา
ผลกระทบ: อ.สะเดา เป็นด่านหน้า (ต้นน้ำ) ของคลองอู่ตะเภา ซึ่งคลองนี้คือเส้นเลือดใหญ่ที่ไหลผ่ากลางเมืองหาดใหญ่ เมื่อสะเดาท่วมหนัก มวลน้ำก้อนมหึมานี้จะเดินทางตามแรงโน้มถ่วงมุ่งหน้าลงมาที่หาดใหญ่ (ซึ่งเป็นพื้นที่แอ่งกระทะ) เพื่อจะออกสู่ทะเลสาบสงขลา ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นรอบแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
2. ศึกในบ้าน (กลางน้ำ): ฝนตก 60% และ แก้มลิงล้น คือ "น้ำเติม"
ความเชื่อมโยง ในขณะที่รอน้ำเหนือจากสะเดา ฝนที่ตกในพื้นที่หาดใหญ่เอง ก็เติมน้ำลงในระบบระบายน้ำตลอดเวลา
ผลกระทบ อ่างเก็บน้ำแก้มลิง (เช่น แก้มลิง ม.อ. หรือแก้มลิงคลองเรียน) มีหน้าที่ชะลอน้ำ แต่เมื่อฝนตกหนักต่อเนื่องจนเกินความจุ น้ำจึง "ล้นสปิลเวย์" (Spillway) ออกมาสมทบกับน้ำในคลองระบายน้ำหลัก ทำให้ระดับน้ำในเมืองพุ่งสูงขึ้นรวดเร็ว เพราะไม่มีพื้นที่ว่างให้พักน้ำแล้ว ล่าสุดสะพานข้าม ร.1 หรือสะพานหาดใหญ่ในมีโอกาสท่วมมิด โดยดูจากรถที่จอดบนสะพานสูงสุด
3. ศึกปลายทาง (ปลายน้ำ): น้ำทะเลหนุน คือ "ฝาปิด"
ปลายทางของน้ำทั้งหมดต้องระบายลงสู่ "ทะเลสาบสงขลา" และออกสู่อ่าวไทย แต่ธรรมชาติช่วงนี้เป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง
ผลกระทบ น้ำทะเลที่หนุนสูงเปรียบเสมือน "กำแพงน้ำ" ที่ดันปากแม่น้ำไว้ ทำให้น้ำจากหาดใหญ่ระบายออกได้ช้ามาก (เหมือนเราพยายามเทน้ำออกจากขวด แต่มีคนเอามืออุดปากขวดไว้) ทำให้เกิดภาวะ
"น้ำเอ่อล้นตลิ่ง" ย้อนกลับเข้ามาในเมือง
สรุปภาพรวม 26 พฤศจิกายน 68 07.00 น.
สถานการณ์ตอนนี้คือ "บนเติม-ล่างดัน" ครับ
1. น้ำเหนือ (สะเดา/มาเลย์) ไหลลงมาเติมเรื่อยๆ
2. น้ำฝน (ในพื้นที่) เติมซ้ำลงไปอีกจนแก้มลิงรับไม่ไหว
3. น้ำทะเล (ปากอ่าว) ดันไว้ไม่ให้ออก
ความคาดหวังตอนนี้คงต้องมาจากทั้งรัฐบาลที่เป็นหลัก และทีมเอกชน รวมไปถึงพี่น้องประชาชน จิตอาสาทุกคนที่ออกมาช่วยกันครับ"


