คณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรีนำทีมเชิญชวนประชาชนบริจาคโลหิต พร้อมเยี่ยมชม "รถเอกซเรย์ปอดเคลื่อนที่" ที่ให้บริการตรวจคัดกรองโรคปอดด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ TCELS ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โดยระบบ AI ดังกล่าวดึงดูดความสนใจอย่างมาก เนื่องจากสามารถประมวลผลภาพถ่ายรังสีและแสดงผลเบื้องต้นของโรคปอดและหัวใจ 8 โรคได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที ประชาชนที่มาใช้บริการต่างชื่นชมว่า "สะดวกมาก ไม่ต้องรอนาน และไม่มีค่าใช้จ่าย" ขณะที่คู่สมรส ครม. ได้กล่าวชื่นชมบุคลากรและเชิญชวนให้ประชาชนออกมาตรวจสุขภาพปอด เพื่อป้องกันโรคและลดภาระระบบสาธารณสุขในระยะยาว โดยประชาชนสามารถเข้ารับบริการเอกซเรย์ปอดฟรีได้ถึงวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 12.00 น. โดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า
คณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อร่วมกิจกรรมเชิญชวนประชาชนบริจาคโลหิต และเยี่ยมชมผลงานด้านสาธารณสุขและนวัตกรรมจากหลายหน่วยงาน โดยหนึ่งในจุดที่ได้รับความสนใจอย่างมาก คือ การตรวจคัดกรองโรคปอดด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งจัดให้บริการโดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ หรือ TCELS ผ่านรถเอกซเรย์ปอดเคลื่อนที่ ที่ให้บริการบริเวณด้านหน้าอาคาร
ระบบดังกล่าวสามารถประมวลผลภาพถ่ายรังสี และแสดงผลเบื้องต้นได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการตรวจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อบริการดังกล่าว ไม่มีค่าใช้จ่าย
ทีมข่าวได้สอบถามความรู้สึกของประชาชนที่มารับบริการในวันนี้ หลายรายระบุว่า
“สะดวกมาก ทำให้รู้สึกสบายใจ เพราะรู้ผลเร็ว ไม่ต้องรอนาน และไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้ตัดสินใจมาตรวจได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือได้รู้ว่าปอดของตัวเองอยู่ในภาวะไหน และควรดูแลเพิ่มเติมอย่างไร”
นอกจากนี้ คณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมการทำงานของบุคลากรทุกฝ่าย พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนออกมาตรวจสุขภาพปอดกันมากขึ้น เพื่อป้องกันโรคปอดที่อาจไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น และลดภาระระบบสาธารณสุขในระยะยาว
ประชาชนสามารถเข้ารับการ เอกซเรย์ปอดฟรี ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 21 พฤศจิกายน เวลา 9.00 น. ถึงเที่ยงวัน ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า และสามารถทราบผลเบื้องต้นได้ภายใน 1 นาทีทันทีหลังการตรวจ
สำหรับ การตรวจคัดกรองโรคปอดด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ระบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อคัดกรองโรคเกี่ยวกับปอดและหัวใจได้ 8 โรค อาทิ วัณโรค หัวใจโต ฯลฯ ปัจจุบันมีโรงพยาบาลมากกว่า 200 แห่ง และประชาชนใช้แล้วกว่า 1 แสนคน ใช้บริการ เพื่อเพิ่มความเร็วในการรักษา โดยเฉพาะผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลจะถูกรักษา และส่งตัวได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพ หรือสิทธิบัตรทองเรียบร้อยแล้ว


