กระทรวงมหาดไทยกัมพูชาแถลงผลชันสูตรชายวัย 36 ชาวบ้านไพรจัน อ้างถูกทหารไทยใช้เอ็ม16 ยิงเสียชีวิตจากการปะทะรอบ 2 ช่วงเย็นวันที่ 12 พ.ย.มีกระสุนฝังใน ย้อนแย้งข้อเท็จจริงหลายประเด็น
วันที่ 14 พ.ย.กระทรวงมหาดไทยกัมพูชา แถลงผลชันสูตรศพนายดีไน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ศล” ซึ่งอ้างว่าถูกทหารไทยยิงเสียชีวิตที่บ้านไพรจัน(ตรงข้ามบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว) ต.โอไบชัน อ.โอโจรว จ.บันทายมีชัย เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน เพื่อตอบโต้การรายงานของสื่อไทยที่ตั้งข้อสงสัยว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้จริงหรือไม่
แถลงการณ์กระทรวงมหาดไทยกัมพูชาอ้างว่า กองทัพไทยได้ยิงปืนเอ็ม16 หลายกระบอกใส่ชาวกัมพูชาในหมู่บ้านไพรจัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 3 ราย ผู้เสียชีวิตคือนายดีไน อายุ 36 ปี ชาวบ้านไพรจัน
“ผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์โดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของกัมพูชาพบรอยถลอกบนผิวหนังขนาด 5 มิลลิเมตรที่ศีรษะของผู้เสียชีวิต และมีบาดแผลฉีกขาดยาว 2 x 3 เซนติเมตรที่หน้าอกด้านซ้าย เข้าไปสู่ร่างกายในแนวเฉียงจากซ้ายไปขวา กระสุนฝังอยู่ใต้ผิวหนังด้านขวาของหลัง เหนือซี่โครง” แถลงการณ์ระบุโดยอ้างอิงจากผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์
คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญได้ทำการผ่าตัดนำกระสุนออก โดยมีสมาชิกทีมสังเกตการณ์อาเซียน (AOT) เข้าร่วมด้วย พบว่ากระสุนเป็นกระสุนแบบหัวกระสุนเดี่ยว มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5.7 มิลลิเมตร และยาว 23 มิลลิเมตร มีร่องเกลียว 6 ร่อง (เกลียวขวา)
คณะกรรมการนิติวิทยาศาสตร์ยังพบอีกว่า ณ จุดเกิดเหตุครั้งแรก มีชาวกัมพูชา 3 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส ณ สถานที่เกิดเหตุห่างจากจุดที่กองทัพไทยยิงประมาณ 100 เมตร ส่วนจุดเกิดเหตุครั้งที่สองมีผู้เสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ ห่างจากจุดที่กองทัพไทยยิงประมาณ 180 เมตร กองทัพไทยยิงจากสองจุดไปยังเป้าหมายเดียวกันที่หมู่บ้านเปรยจัน
จากสถานการณ์นี้ กระทรวงมหาดไทยกัมพูชาสรุปว่า “การเสียชีวิตของดีไนนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกิดจากการยิงปืนของกองทัพไทยเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน รายงานข่าวของสื่อไทยที่ปฏิเสธการเสียชีวิตดังกล่าวนั้น บิดเบือนข้อเท็จจริงและนำเสนอสถานการณ์อย่างบิดเบือน
กระทรวงมหาดไทยกัมพูชายังระบุอีกว่า “เห็นได้ชัดว่ากระสุนทะลุปอด เส้นเลือดใหญ่ขาด และกระสุนฝังอยู่ที่ด้านขวาของหลังผู้เสียชีวิต”
อย่างไรก็ตาม คำแถลงของกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาดังกล่าว ขัดแย้งกับคำแถลงของทางการกัมพูชาก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่าทหารไทยได้ใช้ปืนชนิด RPD ยิงใส่ชาวบ้านกัมพูชา ซึ่งปืนชนิดนี้ไม่มีใช้ในกองทัพไทย
นอกจากนี้ จากการแถลงของฝ่ายกัมพูชาเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ระบุว่า ทหารไทยได้ยิงใส่พลเรือนกัมพูชา 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นเวลาประมาณ 15.50 น. และครั้งที่สองเวลา 17.54 น. ซึ่งหากเป็นไปตามการแถลงของกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาครั้งล่าสุดที่ระบุว่าการยิงครั้งที่สองทำให้มีผู้เสียชีวิต ก็เท่ากับว่านายดีไน เสียชีวิตเมื่อเวลาเกือบพลบค่ำแล้ว แต่ในวันที่ 12 พ.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Bong Mark ได้โพสต์ภาพการจัดงานศพของนายดีไน ซึ่งพบว่าในภาพยังมีแดดจ้ามาก
ขณะเดียวกันคำแถลงของกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาที่อ้างว่า มีคณะ AOT ร่วมชันสูตรด้วย ก็มีข้อสงสัยว่าร่วมชันสูตรตอนไหน เพราะมีการตั้งศพตั้งแต่เย็นวันที่ 12 และวันที่ 13 พ.ย.ก็เริ่มทำพิธีฌาปนกิจตั้งแต่ช่วงเที่ยง
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธได้ให้ความเห็นว่า กระสุนปืนเอ็ม16 โดยทั่วไปแล้วไม่ฝังในเนื้อเยื่อมนุษย์ แต่จะทะลุออกไป เนื่องจากเป็นกระสุนความเร็วสูงกว่า 4,300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 3,200 ฟุตต่อวินาที จึงทะลุผ่านเนื้อเยื่อของร่างกาย แทนที่จะหยุดนิ่งอยู่ข้างใน แต่รายงานของกระทรวงมหาดไทยกัมพูชากลับระบุว่าพบกระสุนฝังใน


