xs
xsm
sm
md
lg

จีนหนุนโจร? - “อันวาร์” คนกลางที่ไม่เป็นกลาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ตั้งคำถามจีนกำลังหนุนโจรอยู่หรือใหม่ เมื่อเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากัมพูชาภายใต้การปกครองของ “ฮุน เซน-ฮุน มาเนต” คือศูนย์กลางสแกมเมอร์โลก แต่กลับเพิกเฉยไม่ปราบปรามจริงจังเหมือนตอนปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ในพม่า หรือว่าต้องการใช้กัมพูชาเป็น “ประเทศราช”ไว้คานอำนาจอเมริกา ส่วน “อันวาร์” ก็มีข้อสงสัยจะเป็นกลางจริงหรือไม่ เพราะมีคนสนิทเป็นนักธุรกิจมาเลย์ เจ้าของสัมปทานกาสิโนในรัศมี 200 กิโลเมตรรอบกรุงพนมเปญ และเป็นตัวเชื่อมให้ “ทักษิณ” รู้จักกับนายกฯ มาเลเซีย


ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึง บทบาทของต่างประเทศที่สนับสนุนประเทศกัมพูชา ซึ่งขณะนี้กลายเป็นศูนย์กลางของแก๊งสแกมเมอร์ระดับโลก โดยได้แสดงความผิดหวังต่อท่าทีของจีน โดยระบุว่าจีนเริ่มละเมิดหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น หลังจากนายวัง เหวินปิน เอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชา แถลงสนับสนุนกัมพูชาในกรณีพิพาทชายแดนกับไทย ซึ่งเขามองว่าเป็นการล้ำเส้นและสร้างปัญหาให้ประเทศไทย


นายสนธิกล่าวว่า ไทยให้ความเคารพในนโยบายจีนเดียวมาโดยตลอด ไม่เคยส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปไต้หวัน และยังสนับสนุนความร่วมมือในภูมิภาค เช่น โครงการลุ่มน้ำโขงและความร่วมมือด้านวัฒนธรรม แต่จีนกลับไม่เคยเข้ามาเป็นคนกลางในปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ทั้งที่ควรมีบทบาทในฐานะมิตรแท้ กลับปล่อยให้เขมรได้รับอาวุธจากจีน และเมื่อเห็นกัมพูชาแสดงท่าทีใกล้ชิดสหรัฐฯ มากขึ้น จีนก็รีบไปเอาใจกัมพูชา

เขากล่าวว่า จีนต้องการให้กัมพูชาเป็นประเทศบริวาร แต่ไทยจะไม่ยอมเป็นประเทศราชของใคร จะเป็นได้เพียง “เพื่อนที่เท่าเทียม” พร้อมระบุว่าตนสนับสนุนจีนอย่างชัดเจนในภูมิรัฐศาสตร์โลก เพราะเห็นว่าควรมีโลกหลายขั้วอำนาจ แต่เมื่อจีนเริ่มกระทำผิดหลักการและไม่เคารพอธิปไตยไทย ตนจำเป็นต้องออกมาปกป้องชาติ

นายสนธิกล่าวอีกว่า ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนัน มีศูนย์กลางอยู่ในกัมพูชา ภายใต้การคุ้มครองของ “สมเด็จฮุน เซน” และ “ฮุน มาเนต” เหตุใดจีนจึงไม่จัดการปัญหาเหล่านี้ ทั้งที่เคยส่งทหารไปปราบเครือข่ายสแกมเมอร์ในพม่าได้สำเร็จ แต่กลับนิ่งเฉยต่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้นในกัมพูชา ซึ่งสร้างความเสียหายให้คนไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่างรุนแรง


นายสนธิ กล่าวว่าจีนรู้เห็นแต่เพิกเฉยต่ออาชญากรรมของ “จีนเทา” ในกัมพูชา ทั้งที่จีนเคยประกาศนโยบายไม่สนับสนุนแก๊งสแกมเมอร์และเคยประหารผู้กระทำผิดที่เป็นคนจีนเอง แต่เมื่อต้องการใช้กัมพูชาเป็น “ประเทศราช” เพื่อคานอิทธิพลสหรัฐฯจึงละเมิดหลักการที่ตนเคยยึดถือ ทั้งสร้างสนามบิน เตโช และท่าเรือเรียมที่แท้คือฐานทัพจีน เป็นการเอาแต่ปกป้องผลประโยชน์ ไม่สนใจความรู้สึกของคนไทย

นายสนธิยังยกกรณีบริษัทจีน เช่น ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น ที่ทิ้งงานโรงแยกก๊าซ ปตท. มูลค่า 14,000 ล้านบาท แต่สถานทูตจีนกลับเข้ามาปกป้องแทนที่จะให้รับผิด สะท้อนว่าจีนเลือกข้างทุนของตนมากกว่าหลักกฎหมายไทย

เขากล่าวว่า ไทยยินดีต้อนรับนักลงทุนจีนที่สุจริต แต่ไม่ยอมรับ “ทุนสีเทา” ที่เกี่ยวพันกับอาชญากรรม ขณะที่กัมพูชาเป็นแหล่งรวมสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ และเว็บพนัน ซึ่งล้วนเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเทา เขาจึงเตือนจีนว่าไม่ควรใช้ท่าที “มหาอำนาจเหนือไทย” แบบเดียวกับที่ทำต่อกัมพูชา เพราะไทยคือประเทศเอกราช มีสถาบันพระมหากษัตริย์และระบบรัฐสภา ไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยของใคร


นายสนธิ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากัมพูชาเป็น “แหล่งอาชญากรรมโลก” ภายใต้การนำของฮุน เซน และลูกชาย ฮุน มาเนต โดยมีเครือข่ายฟอกเงิน ค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เชื่อมโยงกับนักธุรกิจจีนเทาและเจ้าพ่อในภูมิภาค
ยกตัวอย่างเช่น ฮุน โต หลานของฮุน เซน และกลุ่ม “ฮุ่ยวันกรุ๊ป” ถูกขึ้นบัญชีดำจากต่างประเทศว่าเป็นศูนย์กลางฟอกเงินกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.4 แสนล้านบาท) นอกจากนี้ยังมี เสอ จื้อเจียง เจ้าพ่อสแกมเมอร์ชาวจีนที่ถูกจับในไทยตั้งแต่ปี 2565 และพยายามให้ส่งตัวกลับกัมพูชา รวมถึง ออกญาก๊ก อาน เจ้าพ่อฝั่งปอยเปตที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้มีอำนาจในกัมพูชา ซึ่งทางการกัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือในการปราบปราม


อีกกรณีคือ ออกญาตรี เพียบ เจ้าของ “บ่อนทมอดาซิตี้” ชายแดนตราด ที่ร่วมกับกลุ่มทุนจีนเทาสร้างศูนย์สแกมเมอร์รุกล้ำดินแดนไทย โดยมีเจ้าหน้าที่บางฝ่ายของไทยเกี่ยวข้อง และมีถนน 4 เลนเชื่อมเข้าพื้นที่ดังกล่าวอย่างสะดวก ขณะที่เมืองปอยเปตกลายเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม “จีนเทา” หรืออาชญากรจีนในภูมิภาค

ล่าสุดคือเหตุการณ์ นักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี ถูกหลอกให้ไปทำงานกับแก๊งสแกมเมอร์และเสียชีวิตในกัมพูชา สะท้อนปัญหาแรงงานผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้รายงานว่ามีคนเกาหลีถูกล่อลวงไปทำงานกว่า 1,000 คน


อีกตัวการสำคัฐคือ ออกญาเฉิน จื้อ เจ้าของ Prince Group ที่ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยึดทรัพย์สินมูลค่า 5 แสนล้านบาทจากการฟอกเงินคริปโต โดยเฉิน จื้อ เป็นชาวจีนถือหลายสัญชาติ ได้รับตำแหน่ง “ออกญา” จากผู้นำกัมพูชา และเป็นหัวขบวนเครือข่ายแรงงานทาสในประเทศ โดยมีรายชื่อผู้ร่วมขบวนการจีนเทาหลายคน เช่น โจว หยุน, ซิน ฮวด, อลัน เย่ว, กาย เชย์ และจู จงเปี่ยว

นายสนธิยังตั้งคำถามต่อกระทรวงการต่างประเทศของไทย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่บางราย เช่น นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธาน JBC ฝ่ายไทย ว่า ไม่รู้หรืออย่างไร ว่ากัมพูชาเป็นศูนย์รวมอาชญากรรม แต่กลับออกมาปกป้องกัมพูชาและยืนยันให้คง MOU 2543 ซึ่งถูกมองว่าเป็นต้นเหตุให้ไทยเสียเปรียบในข้อพิพาทชายแดน


อีกประเด็นคือการที่ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียน เสนอจะเป็นตัวกลางเจรจาไทย-กัมพูชา นายสนธิ กล่าวว่านายอันวาร์มีความใกล้ชิดกับ นายทักษิณ ชินวัตร ผ่านทางนายฮุน เซน และนักธุรกิจมาเลเซียเชื้อสายจีนชื่อ เช็ง ลิป กอง เจ้าของบริษัท NAGA Corporation ผู้ดำเนินธุรกิจกาสิโนรายใหญ่ในกัมพูชา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนายอันวาร์ และเคยได้รับสัมปทานผูกขาดบ่อนกาสิโนในรัศมี 200 กิโลเมตรรอบกรุงพนมเปญ จึงมีข้อสงสัยว่าการที่นายอันวาร์แสดงบทบาทช่วยเหลือกัมพูชาในการเจรจา อาจมีผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทาเกี่ยวข้อง


นายสนธิยังวิจารณ์กระทรวงการต่างประเทศไทยว่ากำลังอุ้มฮุน เซน โดยปกป้อง MOU 2543 ทั้งที่ทำให้ไทยเสียหาย เพื่อรักษาหน้าของผู้ที่เคยผลักดันข้อตกลงนี้ในอดีต จึงเรียกร้องให้ฝ่ายการทูตและรัฐบาลไทยทบทวนท่าทีต่อกัมพูชาและยกเลิก MOU ดังกล่าว เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงของไทย




กำลังโหลดความคิดเห็น