ทบ.โต้กลับกัมพูชาปฏิเสธทำแผนอพยพ ยันบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้วมีส่วนรุกล้ำเขตแดนไทยชัด ไม่ต้องถึง JBC ยืนยันใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างสันติ
จากกรณีที่กองทัพภาคที่ 1 มีหนังสือแจ้ง ไปยังฝ่ายกัมพูชาว่าจะเข้าร่วมการประชุม RBC กับภูมิภาคทหารที่ 5 ฝ่ายกัมพูชา ในวันที่ 10-12 ต.ค. 68 ณ เมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ตามมติการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 68 ที่จังหวัดเกาะกง ก็ต่อเมื่อฝ่ายกัมพูชาได้จัดทำ “แผนการอพยพประชาชนกัมพูชา” ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่พิพาท 3 แห่ง ได้แก่ บ้านหนองจาน, บ้านหนองหญ้าแก้ว, อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว, บ้านตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว โดยต้องส่งแผนการดังกล่าวให้กองทัพภาคที่ 1 ภายในวันที่ 7 ต.ค. 68 ก่อนจึงจะพิจารณาเข้าร่วมประชุมนั้น
พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกมาแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าวในหลายประเด็น ซึ่ง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงตอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวว่า : การประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภาค (RBC) ระหว่างภูมิภาคทหารที่ 5 กองทัพบกกัมพูชา กับกองทัพภาคที่ 1 นั้น เป็นตามมติของคณะกรรมการชายแดนร่วมทั่วไป (GBC) ที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ในการประชุมพิเศษครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 68
โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า : มั่นใจว่า กองทัพภาคที่ 1 ไม่ได้มีเจตนาจะไม่มีการประชุม หรือละเลยมติจากที่ประชุม GBC จากการประชุมพิเศษครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 68 ที่ผ่านมา เพียงต้องการให้การประชุมทุกครั้งได้บังเกิดผลที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ สามารถนำไปสู่กระบวนการแก้ปัญหาที่เน้นผลสัมฤทธิ์ เป็นรูปธรรมจับต้องได้ ไม่ใช่การรับปากเพื่อถ่วงเวลา โดยไม่มีรายละเอียดนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง เหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
2. ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวว่า: กรณีพื้นที่บ้านโจ๊กเจย (บ้านหนองจาน) และบ้านเปรยจัน (บ้านหนองหญ้าแก้ว) กัมพูชาขอยืนยันว่าจะดำเนินการตามที่ได้ตกลงกันไว้ในคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 68 ซึ่งมอบหมายให้คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นกลไกหลักในการประชุมและหาทางออกในประเด็นดังกล่าว
โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า : กรณีพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้วมีการรุกล้ำพื้นที่ใน 2 ลักษณะ ลักษณะแรก รุกล้ำอยู่ในเขตพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ ซึ่งตามข้อตกลงของทั้งสองประเทศที่อยู่ในเงื่อนไขต้องอาศัยกลไก JBC แต่สำหรับลักษณะที่สอง ล่วงล้ำอยู่ในเขตอธิปไตยไทยอย่างชัดเจน ตรงนี้คือความเร่งด่วนแรกที่ฝ่ายไทยจำเป็นต้องดำเนินการ
3. ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวว่า : ส่วนที่กล่าวถึงคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค (RBC) จะมีหน้าที่เพียงประสานและคลี่คลายสถานการณ์เฉพาะหน้าในพื้นที่ เพื่อลดความตึงเครียดและแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีเท่านั้น มิได้มีอำนาจชี้ขาดเรื่องเส้นเขตแดน
โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า : ต่อกรณีนี้ ยืนยันว่าคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค (RBC) ฝ่ายไทย ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน เพราะต่อกรณีปัญหาการรุกล้ำพื้นที่ในลักษณะที่สอง ที่รุกล้ำเข้ามาในเขตไทยที่ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์ มาเป็นระยะเวลายาวนานแล้วนั้น จะมีกลไกฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการหลัก ภายใต้กฎหมายปกติของประเทศไทย
4. ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวว่า : จากการสำรวจพบว่ามีบางจุดซึ่งประชาชนไทยได้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาจริง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของปัญหา ต้องอาศัยข้อตกลงหลักการที่ทั้งสองประเทศได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้
โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า : ต่อกรณีนี้ฝ่ายกัมพูชาสามารถใช้ช่องทางกลไกในระดับพื้นที่ของสองฝ่ายมาช่วยแก้ปัญหาได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเท่าที่ได้รับข้อมูลมาอาจจะเป็นการใช้ประโยชน์เพื่อด้านการเกษตร น่าจะแก้ไขได้ไม่ยาก ไม่เหมือนการรุกล้ำเขตแดนด้วยอาคารสิ่งปลูกสร้างแบบถาวร
5. ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวว่า : กัมพูชาจะรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เกี่ยวกับกรณีพื้นที่บ้านโจ๊กเจย และบ้านเปรยจัน รวมถึงพื้นที่ที่มีสิ่งปลูกสร้างหรือกิจกรรมของประชาชนไทยที่รุกล้ำข้ามเส้นเขตแดนบางส่วน จึงขอผลักดันให้มีการจัดการประชุม JBC โดยเร็ว เพื่อหาทางออกร่วมกัน
โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า : ขอเรียนว่ากลไก JBC มีส่วนสำคัญสำหรับการกำหนดเขตแดนในพื้นที่ที่มีความสลับซับซ้อน โดยเฉพาะบนภูมิประเทศพื้นที่ลักษณะป่าภูเขา เพื่อพิสูจน์หาแนวสันปันน้ำด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน สำหรับในกรณีปัญหาบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วนั้น มีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบ สามารถลากเส้นตรงเชื่อมระหว่างหลักเขต ที่ทั้งสองฝ่ายได้มีการสำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สามารถจะพอเห็นภาพแนวสมมติฐานอ้างอิงเขตแดน เพื่อใช้ไปประกอบในการทำงานได้
6. ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวว่า : ขอเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงในการประชุม GBC ที่ผ่านมาอย่างเคร่งครัด
โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า : ต่อกรณีนี้ ฝ่ายไทยยืนยันมุ่งมั่นยึดถือข้อตกลง และมติที่ประชุมของทุกเวทีระหว่างประเทศเสมอมา อีกทั้งพยายามเพิ่มเติม ทำทุกวิถีทาง เพื่อให้กลไกต่างๆ เหล่านี้นำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยแท้จริง
กองทัพบกยืนยันที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ โดยมุ่งส่งเสริมกระบวนการหารือและหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ หากฝ่ายกัมพูชาตระหนักถึงข้อเท็จจริงตามที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าแนวทางแก้ไขที่ฝ่ายไทยเสนอมีความเหมาะสม สอดคล้องกับหลักสากลและกลไกทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศยึดถือร่วมกัน
แนวทางดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศในระยะยาว และหากทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่นี้ได้สำเร็จ ก็เชื่อมั่นได้ว่าพื้นที่อื่นๆ ที่ยังมีประเด็นค้างอยู่ก็จะสามารถแก้ไขได้ด้วยสันติวิธีเช่นเดียวกันในอนาคต