โฆษก ทบ.แจง “ปราสาทคนา” อยู่ห่างขอบหน้าผาเข้ามาฝั่งไทยประมาณ 100 เมตร ทหารไทยไปตรวจสอบประจำไม่ให้กัมพูชาเข้ามาตั้งฐาน จนช่วงหลังเหตุปะทะ 28 พ.ค.68 ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เข้าพื้นที่ ส่วนบันไดไม้กัมพูชาสร้างเพื่อส่งกำลังบำรุงขึ้นมายังฐานตรวจการณ์บนแนวหน้าผา และภายหลังใช้เพื่อท่องเที่ยวด้วย เผยฝ่ายกัมพูชาไม่ได้มีทีท่าจะขยับคืบเข้ามาควบคุมบริเวณพื้นที่ตัวปราสาท
วันนี้(4 ต.ค.)พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้เปิดเผยข้อมูลกรณีปราสาทคนา ที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ว่า ปัจจุบันมีสภาพเป็นสิ่งปรักหักพัง หลงเหลือเพียงแนวกำแพงศิลาแลงสูงประมาณ 1.6 เมตร ยาวประมาณ 25 เมตร แนวเดียวเท่านั้น ตัวปราสาทตั้งอยู่บริเวณห่างจากขอบหน้าผามาทางฝั่งไทยประมาณ 100 เมตร มีองค์ประกอบคือ สระน้ำ 2 แห่ง คือสระน้อยและสระใหญ่
บริเวณใกล้เคียงปราสาทต่ำลงไปทางขอบหน้าผามีฐานทหารกัมพูชา ตั้งอยูู่เป็นแนวไปทางทิศใต้ โดยมีฐานทหารของไทย โดย ฉก.ทพ.26 อยู่บริเวณใกล้เคียงปราสาทไปทางทิศเหนือ ควบคุมพื้นที่ 2 แห่งคือ ฐานสระใหญ่และฐานสระน้อย
ที่ผ่านมาฝ่ายไทยเข้าไปตรวจสอบสภาพพื้นที่เป็นประจำ เพื่อไม่ให้ฝ่ายกัมพูชา มีการไปปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปใช้งานเป็นที่ตั้งสำหรับปฏิบัติการทางทหาร และบางครั้งฝ่ายกัมพูชาก็จะเข้ามาพบกับฝ่ายไทย โดยฝ่ายกัมพูชาไม่ได้มีทีท่าจะขยับคืบเข้ามาควบคุมบริเวณพื้นที่ซากหรือกำแพงของปราสาทแต่อย่างใด
กระทั่งเกิดความขัดแย้งเหตุการณ์ปะทะกันที่ช่องบกเมื่อ พ.ค.68 เกิดความตึงเครียดตลอดแนว ทั้งสองฝ่ายจึงยังไม่มีการเข้าไปบริเวณซากกำแพง โบราณสถานดังกล่าว
สำหรับบันไดไม้ที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างนั้นเป็นการสร้างเพื่อใช้สำหรับการส่งกำลังบำรุงขึ้นมายังฐานตรวจการณ์ที่อยู่บนแนวหน้าผา ซึ่งภายหลังพบว่ามีการใช้ในการเดินทางมาท่องเที่ยวของชาวกัมพูชาร่วมด้วย
ลักษณะของกำลังทหารกัมพูชาที่อยู่บนนั้นไม่มีท่าทีคุกคามเหมือนบางพื้นที่ และจุดเฝ้าตรวจของกัมพูชาไม่มีลักษณะเป็นป้อมปราการทางทหาร เพื่อใช้สำหรับเตรียมการต่อสู้แต่อย่างใด
ซึ่งจากนี้ไป ทางกองกำลังสุรนารี จะดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีเหตุความตึงเครียดในช่วงที่ผ่านมา