xs
xsm
sm
md
lg

คณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU ร่วมนำเสนอผลงานแฟชั่นใน centralwOrld Thailand Graduate Fashion Week 2025 ต่อเนื่องปีที่ 3 แสดงศักยภาพนักศึกษาสู่เวทีมืออาชีพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เข้าร่วมงาน centralwOrld Thailand Graduate Fashion Week 2025 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 ณ ลาน Eden ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดอกไม้บานในเมืองหนาว” ที่ฉีกกรอบจากมหาวิทยาลัยอื่น จนได้รับคำชมจากผู้จัดงานถึงเทคนิค และการนำเสนอที่โดดเด่น แสดงให้เห็นถึงการยกระดับศักยภาพนักศึกษาสู่ความเป็นมืออาชีพ

เวที centralwOrld Thailand Graduate Fashion Week 2025 จัดขึ้นภายใต้ธีม “Flowers in Full Bloom” โดยเปิดพื้นที่ให้มหาวิทยาลัยชั้นนำจากทั่วประเทศนำเสนอผลงานของนักศึกษาสาขาแฟชั่นและการออกแบบ ต่อสายตาสาธารณชนและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแฟชั่น ถือเป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมโยงการเรียนรู้ในรั้วมหาวิทยาลัยกับการทำงานในอุตสาหกรรมจริง และเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงศักยภาพการเป็นนักออกแบบรุ่นใหม่

ในการเข้าร่วมงานครั้งนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการ DPU ให้เกียรติเข้าร่วมงานเพื่อให้กำลังใจนักศึกษาอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยรับมอบช่อดอกไม้จากผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

อาจารย์ปรัชญา พิระตระกูล อาจารย์ประจำวิชาเอกการออกแบบและธุรกิจแฟชั่น ผู้ดูแลโครงการ เปิดเผยถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า เกิดจากการที่นักศึกษา DPU เลือกตีโจทย์ “Full Bloom” ด้วยแนวคิด “ดอกไม้บานในเมืองหนาว” โดยตั้งคำถามต่อกรอบเดิมที่มักเชื่อมโยงดอกไม้กับฤดูใบไม้ผลิ และนำเสนอภาพของความงามที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเยือกเย็น

“ตอนแรกที่เสนอคอนเซ็ปต์นี้ ผู้จัดงานยังนึกภาพไม่ออก แต่เมื่อถึงวันจริง คุณผักกาด (ประภากาศ อังศุสิงห์) ผู้จัดงานชื่อดังให้ทีมงานเข้ามาสอบถามเทคนิคการทำหิมะบนเวที ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่นักศึกษาคิดขึ้นมาเองทั้งหมด”

อาจารย์ปรัชญา กล่าวต่อด้วยรอยยิ้มอีกว่า แนวคิดดังกล่าวเป็นผลลัพธ์ของการฝึกฝนในทุกวิชาของหลักสูตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง (learning by doing) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนการสอนในหลักสูตรแฟชั่นของ DPU

หลักสูตรไม่ได้สอนแบบเป็นขั้นบันไดตรงๆ แต่มีลักษณะที่ส่งเสริมให้นักศึกษาได้คิด "ออกซ้าย ออกขวา ซิกแซกไป" เพื่อให้สามารถมองเห็นมุมมองที่แตกต่างจากสิ่งที่เป็นอยู่ กระบวนการนี้เริ่มต้นตั้งแต่ รายวิชาศึกษาทั่วไป (Gen Ed) ของมหาวิทยาลัยที่ปูพื้นฐานด้านความคิดสร้างสรรค์ และถูกปลูกฝังอย่างต่อเนื่องในทุกรายวิชาเอกของภาควิชา การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างเพื่อนกับเพื่อน และอาจารย์กับนักศึกษาผ่านการทำโครงงานจริง (project-based learning) ทำให้นักศึกษามีความคิดที่หลากหลาย และสามารถมองได้หลายมิติในการสร้างความแตกต่างในบริบทที่เหมือนกัน

“เราสอนให้คิดให้สุด แต่ไม่ใช่ให้ทำอะไรก็ได้ตามใจ หรือปล่อยให้ทำตามใจจนผลงานหลุดโลกหรือไม่สามารถใช้งานได้จริง การเปิดพื้นที่ให้สร้างสรรค์ของเรายังอยู่ในกรอบของ commercial art ที่ต้องตอบโจทย์ตลาดและความต้องการได้จริง การสร้างความแตกต่างเพื่อให้ผลงานเป็นที่น่าจดจำ การคิดที่ลึกและมีหลายชั้นเช่นนี้ คือสิ่งที่หลักสูตรมุ่งเน้นมากกว่าแค่ทักษะฝีมือเพียงอย่างเดียว”


ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์กมลศิริ วงศ์หมึก คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU อธิบายเพิ่มเติมเบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ นอกเหนือจากการที่นักศึกษาได้เรียนรู้กระบวนการทำงานแบบมืออาชีพครบวงจร ตั้งแต่การทำชุด การสไตลิ่ง การคัดเลือกนางแบบ ไปจนถึงการจัดแสดงโชว์ ซึ่งทุกขั้นตอนถูกออกแบบให้สอดคล้องกับการทำงานในอุตสาหกรรมจริง ไม่ว่าจะด้านการจัดการเวลา การสื่อสารกับทีมงาน และการปรับตัวตามสถานการณ์ ภายในกระบวนการทำงาน นักศึกษายังได้ร่วมมือกับศิษย์เก่าที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและ art director ซึ่งช่วยให้เกิดระบบการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้อง ในลักษณะของการพัฒนาศักยภาพอย่างมีระบบและมีทิศทาง

ผศ.กมลศิริ กล่าวอีกว่า “เป้าหมายสำคัญของคณะศิลปกรรมฯ DPU คือการสร้างการมองเห็น (Visibility) และผลักดันให้นักศึกษาได้นำผลงานออกไปจัดแสดงในพื้นที่สาธารณะ เพราะการเรียนรู้ในห้องเรียนจะไม่มีความหมายเลย หากผลงานนั้นไม่ได้รับการพิสูจน์จากตลาดจริง” คณะฯ จึงยังคงมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายและหาโอกาสใหม่ๆ ให้นักศึกษาต่อไป เพื่อ ‘ปลุกศักยภาพ’ ตามวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัย

การได้รับเชิญให้ร่วมงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 รวมถึงการได้รับเกียรติให้ปิดท้ายโชว์ในปีนี้ ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือของผลงานจากนักศึกษา DPU โดย ผศ.กมลศิริ กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่าเป็น ความภาคภูมิใจสูงสุดของคณะฯ และสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของนักศึกษาอย่างแท้จริง

เช่นเดียวกับ อาจารย์ปรัชญา ที่เสริมในมุมมองเดียวกันว่า ความสำเร็จนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “ศักยภาพของ DPU เรา ทัดเทียมกับมหาวิทยาลัยรัฐบาลชั้นนำอื่นๆ ได้ และเราไม่ได้เป็นผู้ประเมินตนเอง แต่เป็นการยืนยันจากผู้จัดงานที่เลือกเรา ส่วนตัวก็ดีใจมาก เพราะปีนี้มีเวลาเตรียมตัวไม่มากนัก”

ตลอดระยะเวลาการทำงานนักศึกษายังได้รับคำชื่นชมจากผู้จัดงานในเรื่องอื่นๆ อาทิ การจัดองค์ประกอบโชว์ที่มีความสมบูรณ์ การทำงานร่วมกันอย่างมีระบบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในกระบวนการผลิตงานแฟชั่นอย่างครบวงจร พร้อมด้วยความพร้อมสำหรับการทำงานจริง

ในช่วงท้าย อาจารย์ปรัชญา ยังกล่าวถึงเป้าหมายในการยกระดับการแสดงผลงานของนักศึกษาให้เติบโตสู่เวทีที่มีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น โดยมีวิสัยทัศน์ชัดเจนว่า ในอนาคต นักศึกษา DPU จะได้จัดแสดงแฟชั่นโชว์ ในรอบเฉพาะของตนเอง

การมีเวทีเฉพาะจะเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้นำเสนอผลงานอย่างเต็มที่ และแสดงตัวตนของแบรนด์ DPU ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น แม้ว่าการขยายสเกลงานจะมาพร้อมกับความท้าทายในด้านการบริหารจัดการ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างการรับรู้ และส่งเสริมให้งานของนักศึกษาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมต่อยอดสู่โอกาสทางธุรกิจและการได้รับคำสั่งซื้อจริงในอนาคต

“อยากให้งานโชว์ครั้งต่อไปเป็นเวทีที่นักศึกษาได้แสดงตัวตนอย่างเต็มที่ เหมือนแบรนด์มืออาชีพที่มีเวทีของตัวเอง และหวังว่าสักวันหนึ่งจะมีคนเห็นคุณค่าในผลงาน และเดินเข้ามาซื้อผลงานเหล่านั้นจริงๆ นั่นคือความฝันที่อยากเห็นเป็นจริง” อาจารย์ปรัชญากล่าวทิ้งท้าย












กำลังโหลดความคิดเห็น