โฆษกกองทัพอากาศแจงนำเครื่องบิน F-16 จากฝูงบิน 106 สนามบินอู่ตะเภาไปยังกองบิน 4 ตาคลี เพื่อเข้าสู่กระบวนการซ่อมบำรุงตามมาตรฐานอากาศยาน หลังตรวจสอบตามวงรอบ เมื่อ 19 มิ.ย. 68 พบรอยร้าวในชุดฐานล้อด้านขวา ยันไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในการปฏิบัติการบิน สะท้อนถึงความเข้มงวด โปร่งใส ในกระบวนการบำรุงรักษาทุกขั้นตอน
ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนแจ้งว่ามีการเคลื่อนย้ายเครื่องบิน F-16 จากฝูงบิน 106 สนามบินอู่ตะเภา โดยเครื่องบิน C-130H ไปยังกองบิน 4 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์นั้น
วันนี้ (7 กันยายน 2568) พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 หลังจากการปฏิบัติการบินตรวจเป้าภาคอากาศ ได้มีการตรวจสอบตามวงรอบ พบรอยร้าวที่บริเวณ Lower Bulkhead ของ Main Landing Gear Tension Strut Lug ของชุดฐานล้อด้านขวา
รอยร้าวดังกล่าวตรวจพบจากการบำรุงรักษาตามขั้นตอนปกติ โดยใช้วิธีการตรวจสอบแบบไม่ทำลายเนื้อวัสดุ (Non Destructive Inspection : NDI) ตามมาตรฐานสากล และได้รับการยืนยันผลจากผู้แทนบริษัทผู้ผลิตอากาศยาน Lockheed Martin สหรัฐอเมริกา
บริษัท Lockheed Martin ได้มีรายงาน Field Service Report ระบุว่าไม่สามารถอนุมัติให้ทำการบิน One Time Flight ได้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
มาตรการที่กองทัพอากาศดำเนินการ
1. ประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณามาตรการเคลื่อนย้ายอากาศยานจากฝูงบิน 106 สนามบินอู่ตะเภา กลับมายังหน่วยซ่อมบำรุงหลัก กองบิน 4 จังหวัดนครสวรรค์ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
2. การเคลื่อนย้ายอากาศยานโดยเครื่องบิน C-130H ได้ดำเนินการถอดชิ้นส่วนโครงสร้างเครื่องบิน F-16 ให้มีขนาดเหมาะสมต่อการลำเลียง และจัดส่งเข้าสู่กระบวนการซ่อมบำรุงตามมาตรฐานอากาศยาน
3. การซ่อมบำรุงจะใช้ขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศร่วมกับบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด (Thai Aviation Industries Co., Ltd.: TAI) ซึ่งเป็นหน่วยงานพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศ โดยปฏิบัติการซ่อมภายใต้มาตรฐานสากลและการควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด
4. กองทัพอากาศยืนยันว่าเหตุการณ์นี้ไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในการปฏิบัติการบิน และสะท้อนถึงความเข้มงวด โปร่งใสในกระบวนการบำรุงรักษาทุกขั้นตอน
กองทัพอากาศขอย้ำว่าการตรวจพบครั้งนี้เป็นผลจากการบำรุงรักษาตามมาตรฐาน และขีดความสามารถด้านวิศวกรรมซ่อมบำรุงของกำลังพลกองทัพอากาศเอง รวมถึงการร่วมมือกับบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด (TAI) เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของนักบิน กำลังพล และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนต่อศักยภาพของกองทัพอากาศไทย