โขนพระราชทาน ตอน "สัตยาพาลี" กลับมาอีกครั้ง! ตระการตากับการแสดงยิ่งใหญ่ พร้อมแง่คิดเรื่องสัจจะ ความกตัญญู ชมได้ 6 พ.ย.-8 ธ.ค. 68 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จองบัตรได้แล้วที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์
วันนี้ (4 กันยายน 2568) เวลา 14.00 น. มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แถลงข่าวเปิดตัว การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “สัตยาพาลี” ณ โรงละคร สำนักพระราชวัง สนามเสือป่า เขตดุสิต โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และผู้ให้การสนับสนุนการจัดงานร่วมแถลงข่าว
นางนฤมล ล้อมทอง คณะกรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อโขน นาฏกรรมคู่แผ่นดินไทย ว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระมหากรุณาธิคุณต่อโขน อันเป็นนาฏยกรรมชั้นสูง ทรงทำให้โขนได้รับการยกย่องจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ในปี พ.ศ. 2561 ว่าเป็น ‘มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติ’ ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยรายการแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ซึ่งการแสดงโขนพระราชทานในครั้งนี้ เป็นปีที่ 18 ซึ่งได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ที่ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชกรณียกิจในพระบรมชนกนาถ และพระบรมราชชนนี ด้วยทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขนอย่างเอาพระทัยใส่ทุกมิติ
นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงความสำคัญของการเผยแพร่ศิลปะการแสดงโขนมรดกทางวัฒนธรรมของชาติว่า ทุกวันนี้โขนได้รับความนิยมจากผู้ชมทุกเพศทุกวัย ซึ่งในแต่ละปีมีนักแสดงโขนที่เป็นคนรุ่นใหม่สนใจเข้าร่วมคัดเลือกนักแสดง ตัวพระ ตัวนาง ตัวยักษ์ ตัวลิง เป็นจำนวนมากขึ้นทุกปี ส่วนผู้ชมนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่พาเพื่อนและครอบครัวชมโขนกันมากขึ้น
นายประเมษฐ์ บุณยะชัย ศิลปินแห่งชาติ ผู้ประพันธ์บท กล่าวถึงการจัดทำบท และคำภาค เจรจา การแสดงโขนในปีนี้ว่า ในแต่ละปีของการแสดงนั้น โดยเฉพาะบทประพันธ์คณะกรรมการทุกคนได้ร่วมกันคัดสรรอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ชมทุกท่านได้รับชมอย่างอรรถรส แต่ไม่อยากให้ผู้ชมทุกคนชื่นชมเพียงเนื้อเรื่องอย่างเดียว คณะกรรมการทุกคนยังในส่วนอื่นด้วยความประณีต โดยเฉพาะบทเพลงประกอบการแสดงซึ่งเป็นเพลงโบราณที่ ประพันธ์ขึ้นมาตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ส่วนบทนำการแสดงครั้งนี้ ได้นำมาจากบทราชสวัสดิ์ ที่ในหลวงทรงนำมาสอนข้าราชบริพารทุกคน ให้ยึดมั่นในการปฏิบัติหน้าที่
รองศาตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ ศิลปินแห่งชาติ ในฐานะผู้กำกับการแสดง กล่าวถึงความพิเศษและภาพรวมของการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพตอนสัตยาพาลีว่า สิ่งแรกต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีการนำศิลปะชั้นสูงมาผสมผสานให้คนดูได้คล้อยตามไปด้วย ซึ่งปีนี้ได้รับโจทย์การแสดงให้เน้นเรื่องความกตัญญู ความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดี ดังนั้น ปีนี้ผู้ชมจะได้เห็นความแตกต่างของการรบกันทั้งสองฝ่าย รอบนี้จะเห็นขบวนลงสรงที่มีลิงอย่างเดียว รวมไปถึงกระบวนท่ารบของพญาพาลีและปูยักษ์ทศกัณฐ์ เป็นต้น
ขณะที่นายสุดสาคร ชายเสม ศิลปินแห่งชาติ ผู้ออกแบบฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก ประกอบการแสดงกล่าวถึงความพิเศษของการแสดงในครั้งนี้ว่า รูปแบบศิลปกรรมที่ใช้ในโขนหลวง จะนำศิลปกรรมชั้นสูงมาทำเครื่องประกอบฉาก โดยเฉพาะตอน สัตยพาลี เป็นตอนที่สนุกมาก น่าสนใจ เช่นวิมานของพระอิศวร ที่ประทับอยู่บนยอดเขาไกรลาศ ต่อเนื่องไปจนถึงการได้เห็นช้างทรงของทศกัณฑ์ที่ทรงเครื่องได้อย่างสวยงาม ครั้งนี้ทศกัณฑ์ไม่ได้ทรงรถแต่ทรงช้าง และราชรถของพระลักษณ์พระรามก็มีความงดงามและอลังการ ส่วนโรงพิธีที่นางมณฑาใช้ก็มีความยิ่งใหญ่ตามแบบศิลปกรรมประติมากรรมของกรุงศรีอยุธยากับกรุงรัตนโกสินทร์ ทุกขั้นตอน
ปิดท้ายที่ ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.สุรัตน์ จงดา อนุกรรมการด้านการแสดง กล่าวถึง การออกแบบการแต่งกายว่า จุดเริ่มต้นของโขนพระราชทานคือเรื่องการออกแบบเครื่องแต่งกาย ต้องพัฒนาเครื่องแต่งกายให้มีความประณีตและงดงามมากขึ้นทุกปี ซึ่งผลงานการตัดเย็บชุดนักแสดงล้วนเป็นฝีมือของสมาชิกศิลปาชีพฯ ทั้งหมด แต่ละปีต้องสร้างเครื่องแต่งกายใหม่ตามตัวละคร ตั้งแต่มีการแสดงโขนในช่วง 20 ปีมานี้มีอาชีพที่เกี่ยวกับเครื่องแต่งกายโขน ช่างโบราณ และช่างอื่นๆ เพิ่มขึ้นทุกปี การแสดงโขนพระราชทานประเทศไทยจึงไม่เคยสูญช่าง มีแต่เพิ่มพูนด้วยพระมหากรุณาธิคุณ
ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้นได้มีการแสดงตัวอย่างโขนพระราชทาน ตอน สัตยาพาลี จำนวน 2 ตอน คือ องคตกุมารลงสรง จับตอนจาก เมื่อพระกุมารองคตเจริญวัย พญาพาลีจึงจัดให้มีพิธีโสกันต์พระกุมาร ตามราชประเพณี ซึ่งการแสดงจะได้เห็นขบวนแห่องคตกุมารเพื่อลงสรง ก่อนจะเข้าปะรำพิธีโสกันต์ ในขบวนลงสรงนี้จะบรรยายความงดงามของขบวนเสด็จซึ่งประกอบด้วยไพร่พลวานรเชิญเครื่องสูงในขบวน การแสดงขบวนสรงชุดนี้ถือเป็นการแสดงครั้งแรก เนื่องจากยังไม่เคยประดิษฐ์ขึ้นมาก่อนในการแสดงโขนครั้งใด และพาลีรบสุครีพ จับตอนจาก หนุมานและสุครีพ ได้เข้าเฝ้าพระรามและได้กราบทูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งแรกพระรามเห็นว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของพี่น้องจึงไม่อยากเข้าแทรกแซงให้เกิดข้อครหา สุครีพได้ทูลพระรามว่าพาลีเคยให้สัตย์สาบานเมื่อครั้งที่ฝากนางดารามาพระราชทานแก่สุครีพ ว่าต้องให้ศรพระนารายณ์เมื่อขาดสัตย์ พระรามจึงให้สุครีพกลับเข้าเมืองขีดหินเพื่อรบกับพาลี พาลีเคารพกับสุครีพ พระรามดูเหตุการณ์อยู่แผลงศรไปสังหารพาลี และสำแดงมหาเทวฤทธิ์ปรากฏกายพระนารายณ์ พาลีเห็นเช่นนั้นเลยคิดได้ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาและสำนึกผิดต่อความผิดของตนเอง
สำหรับปีนี้การแสดงโขนสุดยิ่งใหญ่ ตอน “สัตยาพาลี” เป็นเรื่องราวของพญาพาลีกษัตริย์วานรเมืองขีดขิน ที่เสียสัจจะเพราะความหลงผิด แต่ภายหลังมีความสำนึกผิดในสัจจะ ผลของการเสียสัตย์ของพาลีนำพาเข้าสู่เรื่องราวมากมาย ที่จะให้ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ได้รับความบันเทิงครบทุกอรรถรส ได้ข้อคิดเรื่องของการรักษาสัจจะ รวมทั้งด้านคุณธรรม ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ รู้รักสามัคคี รู้จักหน้าที่ที่ต้องพึงปฏิบัติ และจะเป็นการแสดงโขนที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชม ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ความพิเศษของฉากจะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหนนั้น ติดตามรับชมได้ในการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน “สัตยาพาลี"
ทั้งนี้ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีกำหนดจัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “สัตยาพาลี” ขึ้น ระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน-8 ธันวาคม 2568 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเปิดจำหน่ายบัตรแล้วตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เป็นต้นมา โดยมีบัตรราคา 2,000 บาท, 1,800 บาท, 1,000 บาท, 800 บาท และ 600 บาท (รอบนักเรียน ราคา 200 บาท) จำหน่ายบัตรที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โทร. 0-2262-3456 www.thaiticketmajor.com