ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพลเผยผลสำรวจสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้กว่า 44% ไม่ปกติน่ากังวล กว่า 64% เชื่อประเทศมหาอำนาจต้องการผลประโยชน์ และกว่า 54% มองว่ากัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่ไม่ควรคบด้วย
วันนี้ (24 ส.ค.) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เหตุการณ์ปกติ!” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18-19 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเหตุการณ์ที่ดำเนินไปตามปกติ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 44.96 ระบุว่า เหตุการณ์ไม่ปกติเลย และน่ากังวล รองลงมา ร้อยละ 29.16 ระบุว่า เหตุการณ์ปกติ แต่ยังไม่น่าไว้วางใจ ร้อยละ 23.74 ระบุว่า เหตุการณ์ยังคงไม่ปกติเท่าไรนัก และร้อยละ 2.14 ระบุว่า เหตุการณ์ปกติจริง ไม่มีอะไรน่ากังวล
ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการแทรกแซงของประเทศมหาอำนาจในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 64.73 ระบุว่าประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงเพราะต้องการผลประโยชน์ รองลงมา ร้อยละ 17.10 ระบุว่า ไทยควรปฏิเสธการเข้ามาแทรกแซงของประเทศมหาอำนาจ ร้อยละ 8.85 ระบุว่า ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงเพราะต้องการให้เกิดสันติภาพจริงๆ ร้อยละ 6.11 ระบุว่า ไม่เชื่อว่าประเทศมหาอำนาจจะเข้ามาแทรกแซงอย่างจริงจัง และร้อยละ 3.21 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อประเทศกัมพูชาในฐานะเพื่อนบ้านของไทยจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาในขณะนี้ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 54.12 ระบุว่า เป็นเพื่อนบ้านที่ไม่ควรคบด้วย รองลงมา ร้อยละ 29.39 ระบุว่าเป็นเพื่อนบ้านที่คบกันได้ แต่ไม่ควรไว้วางใจ ร้อยละ 14.20 ระบุว่า เป็นฝั่งตรงข้าม ร้อยละ 1.91 ระบุว่า ยังคงเป็นเพื่อนบ้านที่คบกันได้เหมือนเดิม และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ