นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รอง ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา โพสต์ให้ความรู้ มะเร็งลำไส้ใหญ่ เผยพบมากอันดับ 3 ของโลก อาจไม่แสดงอาการชัดเจน แม้ไม่พบเลือดปนอุจจาระก็ยังเสี่ยง แนะตรวจคัดกรองตั้งแต่ยังไม่มีอาการ พร้อมเผยสัญญาณเตือนและวิธีป้องกันที่ทำได้ทุกวัน
วันนี้ (18 ส.ค.) เฟซบุ๊ก “หมอเจด” หรือ นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ภาพข้อความระบุว่า “มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นมะเร็งที่พบมากอันดับ3 ทั่วโลกนะครับ นะครับ สำหรับหลาย ๆ คน เมื่อพูดถึง “เลือดในอุจจาระ” ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นสัญญาณเตือนหลักๆของมะเร็งลำไส้ แต่คุณรู้ไหมว่า ถึงไม่มีเลือดปนอุจจาระ ก็ไม่ได้แปลว่าเราปลอดภัยจากมะเร็งลำไส้เสมอไป เพราะอาการบางอย่างของโรคนี้อาจจะไม่ได้แสดงออกแบบชัดเจน เดีี๋ยววันนี้เล่าให้ฟังนะครับ
1.จริงๆแล้วการที่ไม่มีเลือดปน ไม่ได้แปลว่าไม่เสี่ยง การมองด้วยตาเปล่าอาจไม่ช่วยเสมอไปนะ เพราะเลือดที่ออกจากมะเร็งลำไส้ในระยะแรกมักมีปริมาณน้อยมากจนไม่สามารถเห็นได้ ถ้ามะเร็งลำไส้เริ่มลุกลาม เช่น ระยะที่สามขึ้นไป เราถึงจะเริ่มเห็นเลือดปนในอุจจาระ และในระยะนี้ โอกาสรักษาหายจะลดลงไปเยอะเลยค่ะดังนั้น ถ้าอยากป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เราควรเริ่มตรวจคัดกรองตั้งแต่ยังไม่มีอาการ อันนี้สำคัญมาก ๆ
2. อาการที่ต้องระวัง ไม่ควรปล่อยผ่าน
บางคนอาจคิดว่า มะเร็งลำไส้ต้องมีอาการหนัก ๆ เช่น เจ็บท้องรุนแรงหรือเลือดออกในอุจจาระ แต่จริง ๆ แล้วมะเร็งลำไส้มักเริ่มแบบเงียบ ๆ อาการที่ควรสังเกต เช่น
• ขับถ่ายผิดปกติเรื้อรัง: เช่น ท้องผูกหรือท้องเสียบ่อย
• น้ำหนักลดผิดปกติ: ถ้าไม่ได้ตั้งใจลดน้ำหนัก แต่กลับผอมลงเร็วมาก อันนี้ต้องระวัง
• เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียเรื้อรัง: อาจเกิดจากการสูญเสียเลือดปริมาณน้อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
ถ้ามีอาการเหล่านี้ ควรรีบตรวจเพื่อหาความผิดปกติ และรักษาได้ทันเวลานะครับ
3. ใครที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้?
แม้ว่าการตรวจคัดกรองจะดีสำหรับทุกคน แต่มีบางกลุ่มที่ควรให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ ได้แก่
• อายุ 50 ปีขึ้นไป: อายุเยอะขึ้น ความเสี่ยงก็มากขึ้น
• มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้: เช่น คุณพ่อ คุณแม่ หรือพี่น้องที่เคยเป็นมะเร็งลำไส้ ความเสี่ยงของเราก็จะเพิ่มขึ้น
• อาการขับถ่ายผิดปกติ: เช่น อุจจาระเล็กลง ท้องผูกสลับท้องเสีย หรือขับถ่ายไม่เหมือนเดิม
• มีเลือดในอุจจาระ
คนที่อยู่ในอยู่ในกลุ่มนี้ การตรวจคัดกรองช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสตรวจพบมะเร็งลำไส้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ได้เยอะเลยนะ
4. ใครที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้?
แม้ว่าการตรวจคัดกรองจะดีสำหรับทุกคน แต่มีบางกลุ่มที่ควรให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ ได้แก่
• อายุ 50 ปีขึ้นไป: อายุเยอะขึ้น ความเสี่ยงก็มากขึ้น
• มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้: เช่น คุณพ่อ คุณแม่ หรือพี่น้องที่เคยเป็นมะเร็งลำไส้ ความเสี่ยงของเราก็จะเพิ่มขึ้น
• อาการขับถ่ายผิดปกติ: เช่น อุจจาระเล็กลง ท้องผูกสลับท้องเสีย หรือขับถ่ายไม่เหมือนเดิม
• มีเลือดในอุจจาระ
คนที่อยู่ในอยู่ในกลุ่มนี้ การตรวจคัดกรองช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสตรวจพบมะเร็งลำไส้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ได้เยอะเลยนะ
5. วิธีป้องกันมะเร็งลำไส้ที่ทำได้ทุกวัน
นอกจากการตรวจคัดกรองแล้ว การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็ช่วยลดความเสี่ยงได้มากค่ะ
• กินผักผลไม้ให้เยอะ ๆ: ใยอาหารช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ แถมช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย
• ลดอาหารแปรรูป: เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน เป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ กินให้น้อยลงจะดีกว่า
• ออกกำลังกาย: ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น และลดการสะสมของสารพิษในลำไส้
• งดบุหรี่และแอลกอฮอล์: สารพิษจากทั้งสองอย่างนี้เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด รวมถึงมะเร็งลำไส้ด้วย
สุดท้ายนี้ อย่าลืมนะครับว่า การดูความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ไม่ได้ใช่แค่การสังเกตอุจจาระหรือรอให้อาการชัดเจนออกมา แต่เราต้องหมั่นตรวจคัดกรอง ปรับพฤติกรรมการกิน และใช้ชีวิตให้สมดุล"