ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชาอ้างทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ไทยเอามาโชว์คณะทูตยังไม่ได้ถอดสลัก จะมากล่าวหาว่ากัมพูชาลักลอบวางทุ่นระเบิดได้ยังไง ด้านโฆษกและรองโฆษก ทบ.ประสานเสียงโต้ ในภาพเป็นทุ่นระเบิดที่ทหารไทยตรวจพบที่ภูมะเขือ เจออยู่ในกระสอบ ยังไม่ได้ใช้งาน ซัดเขมรพยายามบิดเบือนแต่ไม่เป็นผล คณะทูตได้เห็นของจริงหมดแล้ว
จากกรณีที่วานนี้ (16 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศได้นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและภาคีอนุสัญญาออตตาวา พร้อมด้วยองค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งสื่อมวลชนและต่างประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชายังคงใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยได้มีการนำทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 มาวางบนโต๊ะให้คณะได้ดูนั้น
ต่อมา นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก HENG Ratana พร้อมภาพประกอบ โดยระบุว่าทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ไทยนำมาวางบนโต๊ะนั้นล้วนเป็นทุ่นระเบิดที่ยังไม่ได้ถูกจุดชนวนและสลักนิรภัยยังไม่ได้ถูกถอดออก โดยปกติแล้ว ถ้าจะวางทุ่นระเบิดเพื่อทำลายข้าศึกจะต้องถอดสลักนิรภัยออก ไม่ทำเช่นนั้นก็จะไม่ระเบิด
“ผมแค่อยากจะแจ้งให้ทราบว่าทุ่นระเบิด PMN-2 ที่กำลังจัดแสดงอยู่นั้นแตกต่างจากทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ถูกวางไว้เพื่อจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการระเบิดอย่างสิ้นเชิง ทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ประเทศไทยนำมาแสดงไว้บนโต๊ะ พร้อมอธิบายว่าพบในดินและทหารกัมพูชาได้นำมาวางไว้ในดินแดนสยาม ล้วนเป็นทุ่นระเบิดที่ยังไม่ได้ถูกถอดสลักนิรภัยออกเพื่อให้มันระเบิดได้ ตามปกติและในทางเทคนิค หากทุ่นระเบิดถูกวางไว้เพื่อทำลายข้าศึกจะต้องถอดสลักนิรภัยออก หากไม่ทำเช่นนั้นทุ่นระเบิดจะไม่ระเบิด” นายเฮง รัตนากล่าว
ล่าสุดวันนี้ (17 ส.ค.) พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า หมุดที่ยื่นออกมาตรงนั้นคือสลักนิรภัยจะถูกดึงออกก็ต่อเมื่อระเบิดลูกนั้นติดตั้งลงในดินไปแล้ว แต่ในภาพทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวน 16 ทุ่นนั้นเป็นต้นระเบิดที่ไม่ได้ใช้งาน ที่ฝ่ายทหารค้นเจอบริเวณภูมะเขือเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 68 โดยเจอในกระสอบ ยังไม่ได้ใช้งาน ดังนั้นจึงยังต้องมีหมุดนี้อยู่แล้ว
“ทุ่นระเบิดที่อยู่บนโต๊ะนี้ทั้งหมดเจอที่ภูมะเขือทั้งนั้น ทั้งทุ่นระเบิดที่ติดตั้งลงดินแล้ว ไทยเราเก็บกู้มา และทั้งทุ่นระเบิดใหม่ที่ยังไม่ได้ติดตั้ง” พันเอก ริชฌากล่าว
ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกชี้แจงกรณีนายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการ CMAC อ้างว่า ทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ฝ่ายไทยนำมาแสดงยังไม่ถอดสลักนิรภัย ซึ่งโดยทางเทคนิคระเบิดที่นำไปวางต้องดึงสลักนิรภัยออกก่อน มิฉะนั้นระเบิดจะไม่ทำงาน ว่า การชี้ประเด็นดังกล่าวมีเจตนาหวังให้ผู้รับสารเข้าใจผิดว่าไทยสร้างภาพหลอกนักข่าวและนักการทูต
พล.ต.วินธัยกล่าวว่า ทุ่นระเบิดที่นำมาจัดแสดงให้คณะผู้แทนจากต่างประเทศได้ดู ในส่วนที่นายเฮง รัตนา กล่าวว่ายังไม่ดึงสลักนิรภัยออกนั้น ถูกตรวจพบจากการเข้าตรวจค้นและทำพื้นที่ให้ปลอดภัยโดยหน่วยทหารช่าง เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 68 บริเวณพื้นที่ภูมะเขือ ในจุดที่ทหารกัมพูชาเคยวางกำลังอยู่
บริเวณดังกล่าวฝ่ายไทยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 ซึ่งที่พบมีทั้ง 2 ลักษณะ คือ ทุ่นระเบิดที่เก็บไว้ยังไม่ได้นำไปติดตั้ง จึงเห็นในภาพว่ายังมีสลักนิรภัยติดอยู่ และทุ่นระเบิดที่ติดตั้งแล้ว ซึ่งในกรณีนี้จะไม่มีสลักนิรภัย โดยทั้งสองลักษณะได้ถูกนำมาแสดงให้คณะผู้แทนจากต่างประเทศได้ดูเมื่อวานนี้ (16 ส.ค. 68)
การที่ นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการ CMAC ได้นำภาพมาประกอบข่าวนั้น เป็นการเลือกภาพมาเพียงบางส่วนไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งเป็นลักษณะของการพยายามนำภาพบางส่วนมาบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อหวังให้เกิดความสับสน และมุ่งทำลายความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับพยานหลักฐานของฝ่ายไทย แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นผล เพราะผู้แทนจากต่างประเทศได้เห็นและสัมผัสกับของจริงทั้งหมดอย่างละเอียดและครบถ้วนแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ส.ค. กองทัพบกได้เผยแพร่ข่าวแก่สื่อมวลชนว่าชุดปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของหน่วยทหารช่าง กองกำลังสุรนารี ได้เข้าดำเนินการทำพื้นที่ให้ปลอดภัยและเสริมความมั่นคงในบริเวณภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเคยเป็นที่มั่นของฝ่ายทหารกัมพูชา จากการตรวจสอบพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN-2 จำนวน 18 ทุ่น แบ่งเป็น
• จำนวน 16 ทุ่น บรรจุอยู่ในกระสอบ ยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมระเบิด
• จำนวน 2 ทุ่น วางแบบเร่งด่วนโดยไม่ฝังกลบ บริเวณรอบบ่อน้ำ อยู่ในสภาพพร้อมระเบิด
หน่วยทหารช่างได้ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดทั้ง 18 ทุ่นเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ยังพบลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด และ ลูกจรวด RPG จำนวนมาก ซึ่งจากหลักฐานดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวาของฝ่ายทหารกัมพูชาอย่างชัดเจน