xs
xsm
sm
md
lg

สัมภาษณ์พิเศษ รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ คณบดีผู้อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อน CHW-DPU สู่ฟันเฟืองไทยในฮับเวลเนสโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กับมหาวิทยาลัย Daegu Haany University (DHU) ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 โดยมี ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) และ Dr. Byun Chang Hoon อธิการบดี DHU ร่วมลงนาม พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริเดช คำสุพรหม รองอธิการบดีสายงานภาคีสัมพันธ์ และคณะผู้บริหารจากทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้และส่งเสริมการเติบโตด้านสุขภาพ การแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนตะวันออกในระดับสากล พร้อมวางรากฐานอันแข็งแกร่งในการยกระดับการศึกษา นวัตกรรมสมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย และวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง สู่มาตรฐานสากล และสร้าง Global University Network ร่วมกัน

ในขณะที่ประเทศไทยกำลังรับมือกับการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจสุขภาพ และปี 2568 ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ประเทศไทยเข้าสู่สถานะ “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” อย่างเป็นทางการ แนวการพัฒนาเชิงระบบที่สถาบันวางยุทธศาสตร์ไว้อย่างมั่นคงตลอดหลายปีที่ผ่านมา เริ่มส่งแรงสะเทือนออกไปสู่วงนโยบายและพันธมิตรต่างประเทศในช่วงเวลาที่เหมาะสม และนั่นทำให้ความร่วมมือครั้งนี้กลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญ ที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าวงการสุขภาพและการศึกษาของไทยในระยะยาวโดยมุ่งสู่การสร้างนวัตกรรมการศึกษาด้านสุขภาพและเวลเนสเพื่อการมีสุขภาพที่ดียืนยาวของมนุษยชาติ

“เราเชื่อมั่นในหลักการที่ว่า ร่วมด้วยช่วยกันจะดีกว่าอยู่โดดเดี่ยว” รองศาสตราจารย์ ดร.ภก.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ กล่าวจากบทบาทผู้นำในมิติทั้งวิชาการและโครงสร้าง หลังจากเร่งพลิกโฉมคลินิกแพทย์แผนไทยของ DPU ให้เป็นต้นแบบคลินิกระดับพรีเมียม และออกแบบระบบการเรียนรู้ใหม่ที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจสุขภาพอย่างเฉียบคม


ผ่าตัดใหญ่คลินิกแพทย์แผนไทยสู่ "พรีเมียม"

รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปว่า "เมื่อผมเข้ามารับตำแหน่งคณบดีเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว สิ่งแรกที่ทำคือการยกระดับคลินิกแพทย์แผนไทยให้เป็นคลินิกพรีเมียม”

โดยได้เชิญ ดร.คณิศร์ณิชา ชาญภา หรือ "หมออุ้ม" ลูกศิษย์ผู้มีประสบการณ์บุกเบิกคลินิกแพทย์แผนไทยจากโรงพยาบาลวิชัยยุทธเป็นเวลา 13 ปี เข้ามาช่วยขับเคลื่อน กระบวนการนี้ใช้เวลาเพียง 2 เดือน คลินิกก็กลายเป็นพรีเมียมอย่างแท้จริง และอาจถือได้ว่าเป็นแห่งแรกของประเทศไทย

รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ ยังเล่าถึงการสนับสนุนจากผู้บริหาร โดย ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี ได้เล็งเห็นถึงผลตอบรับที่ดี จึงนำไปสู่การตัดสินใจขยายคลินิกในทันที ซึ่งการตัดสินใจของผู้บริหารครั้งนั้นสะท้อนวิสัยทัศน์ในการมองเห็นแนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจสุขภาพและเวลเนสอย่างเฉียบคม ทำให้คลินิกแห่งนี้ไม่เพียงเป็นศูนย์บริการสุขภาพระดับสูงด้านการแพทย์แผนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ฝึกงานและบ่มเพาะนักศึกษาให้กลายเป็นแพทย์แผนไทยที่มีมาตรฐานระดับสากลอีกด้วย

ปฏิรูปการศึกษา "เรียนปี 1 เป็นหมอได้ใน 2 สัปดาห์"

ภายใต้วิสัยทัศน์ของ รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ การเรียนการสอนแพทย์แผนไทยของ DPU ได้ถูกปฏิรูปครั้งใหญ่ให้รวดเร็วและเข้มข้นขึ้น ด้วยแนวคิด “เป็นหมอได้เลยใน 2 สัปดาห์” สำหรับนักศึกษาใหม่ “เราจะเน้นให้นักศึกษาเข้าถึงวิชาชีพได้อย่างรวดเร็ว โดยฝึกปฏิบัติการเป็นหมอแผนไทยในรูปแบบการส่งเสริมสุขภาพ ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นการปฏิบัติแบบพรีเมียม”

ตัวอย่างชัดเจนคือ การนวดส่งเสริมสุขภาพสมอง Smart Brain Massage เทคนิคช่วยให้สมองโล่งใน 5 นาที นักศึกษาปี 1 ลงสนามจริงที่งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 ณ อิมแพค เมืองทองธานีในช่วง 2-6 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา หนึ่งคน นวดได้ถึง 20 เคสต่อวัน ซึ่ง รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ นิยามเรียกว่า “การสร้างศรัทธาให้คนรุ่นใหม่ว่าแพทย์แผนไทยไม่ใช่เรื่องโบราณ แต่เป็นเรื่องที่สมาร์ต ทันสมัย และพรีเมียมจริงๆ"

“นอกจากนี้แนวทางนี้ยังแตกต่างจากเกาหลีที่ใช้เวลาเรียนการแพทย์ดั้งเดิมเกาหลี (Korean Medicine) ถึง 6 ปี แต่ DPU เลือกเส้นทาง ถึงเราเรียนลัดและเร็ว แต่คุณภาพยังคับแก้วใน 4 ปี"


ผสานภูมิปัญญาไทยกับเทคโนโลยีระดับโลก

หัวใจของความร่วมมือกับ DHU คือการนำภูมิปัญญาไทยมาผสานกับเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเกาหลีมีบทเรียนสำคัญในการสร้าง "K-Beauty" และผลิตภัณฑ์จากโสมให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลกทั้งอาหารเสริมและเครื่องสำอาง เพราะสามารถต่อยอดภูมิปัญญาของเขาด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เหมาะสม

“แต่เราไม่ได้พัฒนาอะไรเลย มีแต่ชื่อ” รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ กล่าว ทั้งที่ไทยมีตำรับยาสมุนไพรของชาติมากกว่า 50,000 ตำรับ มากกว่าเกาหลีหลายเท่า ด้วยเหตุนี้ทาง DPU จึงดึงบทเรียนนี้มาใช้ โดยเน้นการสกัดและพัฒนาสมุนไพรด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของเยอรมัน เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ใช้ง่าย และเข้าถึงผู้บริโภคระดับสากลได้

คลินิกพรีเมียมของ DPU ได้นำตำรับยาแผนไทยจำนวน 277 ตำรับ มาสกัดและทำในรูปเป็นแคปซูล เช่น ยาต้านฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เห็นผลสามารถลดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดได้ภายใน 20 นาที หรือยารักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศชายที่ใช้ได้ผลใน 2 เดือน ซึ่งสร้างความประทับใจให้ผู้บริหารจาก DHU จนถึงขั้นอุทาน “ว้าว” เพราะเห็นศักยภาพระดับโลก

ความร่วมมือครั้งนี้ยังรวมถึงการเปิดตัว “DHU-DPU Global Campus” ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านสุขภาพ การแพทย์ทางเลือก และนวัตกรรม Wellness ระหว่างไทยกับ 6 ประเทศ โครงการที่โดดเด่นคือ “2+2 Dual Degree Program” ในสาขาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นักศึกษา DPU จะได้เรียน 2 ปีแรกที่ DPU และอีก 2 ปีที่ DHU ได้รับปริญญา 2 ใบ และมีโอกาสฝึกงานในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางระดับโลกของเกาหลี

นอกจากนี้ยังมีโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา เพื่อสร้างทักษะสากลและเครือข่ายความร่วมมือ สำหรับสาขาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ภายใต้แนวคิด “One Student One Product” ที่นักศึกษาจะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์และสามารถทำธุรกิจได้จริงก่อนจบการศึกษา

DPU บนเส้นทาง Global Brand

ความร่วมมือกับ DHU ยังถือเป็นก้าวสำคัญที่ DPU จะก้าวสู่การเป็น Global University Network โดย รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ กล่าวว่า “เกาหลีเขามีเครือข่ายมหาวิทยาลัยระดับโลกอยู่แล้ว 6 ประเทศ พอมาเห็นเราก็บวกเราเพิ่มเข้าไปอีก แล้วเขาก็คิดไประดับโลกไปเลย”

บันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ครอบคลุมการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและคณาจารย์ การวิจัยร่วมกัน การจัดสัมมนา การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ โปรแกรมอบรมระยะสั้น การส่งเสริมแบรนด์ของทั้งสองสถาบัน และการสร้างเครือข่าย ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนหลักการของ “ความต้องการร่วมกัน ความเป็นไปได้ และผลประโยชน์ร่วมกัน” หรือ Mutual Benefit

“เราเชื่อมั่นในหลักการที่ว่า ร่วมด้วยช่วยกันจะดีกว่าอยู่โดดเดี่ยว” รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ ย้ำ ท่ามกลางความประทับใจที่ DPU สร้างให้กับ DHU ด้วยมิตรไมตรีและคุณภาพของคลินิกพรีเมียม ทั้งนี้ในเบื้องต้นทาง DHU ตกลงส่งมอบเครื่องมือทำเครื่องสำอางชุดใหญ่ใหม่เอี่ยมให้ DPU ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลี อุปกรณ์เหล่านี้จะถูกนำไปติดตั้งที่อาคารสายสุขภาพใหม่ของ DPU ซึ่งจะมีห้องแล็บวิจัยพัฒนาและโรงงานเครื่องสำอางที่ทันสมัยในเร็วๆ นี้

รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ ยังย้ำถึงทิศทางของ DPU ในการเป็น “ฮับเวลเนส” ที่เน้นเรื่องการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรค เพื่อให้ผู้คนมี “Health Span” ที่ดีและยืนยาวที่สุด ไม่ใช่แค่ “Life Span” (อายุยืน) ที่อาจมาพร้อมกับความเจ็บป่วย การร่วมมือครั้งนี้จึงไม่เพียงยกระดับคุณภาพการศึกษาของ DPU สู่มาตรฐานโลก แต่ยังเปิดโอกาสมหาศาลให้กับบัณฑิตในตลาดแรงงานที่มีคุณภาพสูง

และจะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพและเวลเนสระดับโลกอย่างแท้จริง

“ขอให้นักศึกษามีเพียงความตั้งใจเท่านั้น ยังไงก็เรียนได้สำเร็จ” รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งว่า นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนหลักสูตรหรือเปิดตัวแล็บใหม่ แต่คือการเปิดโอกาสให้กับทุกคนที่พร้อมก้าวเดินไปกับอนาคตที่ดีขึ้น












กำลังโหลดความคิดเห็น