xs
xsm
sm
md
lg

“มาลี” โต้ ไม่จริ๊ง! ตำรวจไทยจับ BHQ ได้ อ้างกองทัพกัมพูชาไม่รับคนมีรอยสักเป็นทหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชายันข่าวเจ้าหน้าที่ไทยจับทหารหน่วยองครักษ์พิทักษ์ “ฮุนเซน” หรือ BHQ ขณะเข้าไปหาความลับไม่เป็นความจริง อ้างกองทัพกัมพูชาไม่รับคนที่มีรอยสักเข้าเป็นทหาร โวยสื่อไทยปั้นข่าวเท็จ

พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงข่าวช่วงบ่ายวันที่ 6 สิงหาคม 2568 หลังจากสื่อไทยรายงานเมื่อเช้านี้ว่าตำรวจไทยในจังหวัดบุรีรัมย์ได้จับกุมทหารกัมพูชาจากหน่วยองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน หรือ BHQ ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นสายลับ เพื่อส่งข้อมูลของกองทัพไทยกลับไปยังกัมพูชา โดย พล.ท.มาลีได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ว่ากระทรวงกลาโหมและกองทัพกัมพูชาไม่อนุญาตให้ทหารที่มีรอยสักเข้าประจำการในกองทัพกัมพูชาโดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ อ้างอิงจากภาพถ่ายชายกัมพูชาที่ถูกจับได้ดังกล่าว ซึ่งมีรอยสักตามตัวและที่แขน

พล.ท.มาลีกล่าวว่ารายงานของสื่อไทยเกี่ยวกับการจับกุมสายลับที่มีรอยสักทั่วร่างกายขณะปฏิบัติงานที่ BHQ เป็นเรื่องที่กุขึ้น ไร้หลักฐาน และไม่มีการสืบสวนที่ชัดเจน ซึ่งขัดต่อความจริงเพื่อพยายามใส่ร้ายกัมพูชาโดยสื่อไทย จึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายไทยหยุดเผยแพร่ข่าวเท็จโดยทันที อันเป็นการกุเรื่องขึ้นมาโดยไม่มีมูลความจริงที่ชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขาดความเป็นมืออาชีพของสื่อ

อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและตำรวจชุดสืบสวน สภ.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้ร่วมกันสอบปากคำ นายวิน อายุ 36 ปี ชายชาวกัมพูชาที่ถูกจับกุมได้ที่ อ.กระสัง ซึ่งจากการสอบสวน นายวินอ้างว่าเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ได้ลาออกมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันมีภรรยาเป็นคนไทย และทำงานอยู่ในไทยมาหลายปีแล้ว และมาอยู่ในพื้นที่ อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านภรรยาได้ประมาณ 1 ปี และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาไทยอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดได้ลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยจ่ายเงินให้นายหน้าชาวกัมพูชาที่พาเข้า 4,000 บาท

แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การของหนุ่มกัมพูชาคนดังกล่าว เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทยไปให้ฝั่งกัมพูชา เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลพบเพิ่งลักลอบเดินทางเข้ามาในไทยช่วงกลางเดือน ก.ค. 68 ที่ผ่านมา และ จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายการแต่งกายทหารและถืออาวุธสงคราม แต่ก็ต้องตรวจสอบในเชิงลึกอย่างละเอียดว่ามีการส่งข้อมูลเกี่ยวกับด้านความมั่นคงของฝ่ายไทยไปให้กัมพูชาหรือไม่

เบื้องต้นตำรวจจะดำเนินคดีข้อหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” แต่ถ้าในมือถือมีการส่งข้อมูลเกี่ยวกับด้านความมั่นคงของไทยไปให้กัมพูชาหรือกระทำการใด ก็จะดำเนินคดีตามมาตรา 112 , 113 ต่อไป

อ่านรายละเอียดข่าว หนุ่มเขมรยอมรับ! เป็นทหาร BHQ จริง แต่อ้างลาออกแล้ว จนท.พบพิรุธอื้อ เร่งสอบเชิงลึกหวั่นเป็นสายลับกัมพูชา


กำลังโหลดความคิดเห็น