xs
xsm
sm
md
lg

4 ส.ค.เริ่มใช้ใบสั่งจราจรโฉมใหม่ แก้ไขให้สอดคล้องคำสั่งปรับเป็นพินัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมบังคับใช้ใบสั่งจราจรโฉมใหม่ 4 ส.ค. ปรับปรุงจากของเดิมรองรับรูปแบบคำสั่งปรับเป็นพินัย ที่ตำรวจต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติก่อนออกใบสั่ง หลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษาเพิกถอนประกาศก่อนหน้านี้ เพราะคนรับใบสั่งไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง ละเมิดรัฐธรรมนูญ และ ผบ.ตร.กำหนดค่าปรับแทนเจ้าพนักงานจราจร

วันนี้ (3 ส.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ราชกิจจานุเบกษาตีพิมพ์ ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2568 เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นการปรับปรุงแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับรูปแบบคำสั่งปรับเป็นพินัย (หมายถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องแสวงหาข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติให้ได้ว่าผู้กระทำความผิดได้กระทำความผิดจริงหรือไม่ จึงจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้กระทำความผิดได้) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกประกาศฉบับดังกล่าว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.เป็นต้นไป สำหรับรูปแบบใบสั่งจราจรมีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่

1. แบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรสำหรับให้กับผู้ขับขี่ ติด ผูกหรือแสดงไว้ที่รถ ให้มีชุดละ 4 แผ่น ได้แก่ แผ่นสีขาว สำหรับให้ผู้ขับขี่ติด ผูกหรือแสดงไว้ที่รถ แผ่นสีเหลือง ใช้สำหรับส่งให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ปรับเป็นพินัยคดีจราจรเพื่อทำการบันทึกข้อมูลใบสั่งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของระบบสารสนเทศกกลางที่เชื่อมโยงข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แผ่นสีชมพู ใช้สำหรับมอบให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจปรับเป็นพินัย และแผ่นสีฟ้า ใช้สำหรับเป็นสำเนาคู่ฉบับเก็บไว้เป็นหลักฐานสำหรับผู้ออกใบสั่ง

2. แบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรสำหรับส่งทางไปรษณีย์ ให้มีชุดละ 2 แผ่น ได้แก่ แผ่นที่หนึ่ง ใช้สำหรับส่งไปรษณีย์ให้ผู้ขับขี่ เจ้าของรถหรือผู้ครอบครอง แผ่นที่สอง ใช้สำหรับเป็นสำเนาคู่ฉบับเก็บไว้เป็นหลักฐานสำหรับผู้ออกใบสั่ง

3. แบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรแบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้สำหรับให้ผู้ขับขี่ติด ผูกหรือแสดงไว้ที่รถ

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า การกำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรฉบับใหม่ที่ออกมาครั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2568 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา ให้เพิกถอนประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ. 2563 และเรื่อง การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2563 โดยศาลเห็นว่าไม่มีข้อความแจ้งสิทธิในอันที่จะปฏิเสธหรืออุทธรณ์โต้แย้งการกระทำความผิดตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง และยังปรากฏคำเตือนว่าหากมิได้ชำระค่าปรับภายในกำหนดโดยไม่มีเหตุอันสมควร อาจต้องรับผิดและต้องรับโทษอีกกระทงหนึ่ง ย่อมทำให้ผู้รับใบสั่งเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีความผิด และมีหน้าที่ต้องชำระค่าปรับตามใบสั่งดังกล่าวเท่านั้น โดยไม่อาจปฏิเสธโต้แย้งหรือดำเนินการในประการอื่นได้ อันเป็นการกระทำละเมิดต่อสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองคุ้มครองไว้ในมาตรา 29 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติว่า ในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังกล่าวจึงเป็นกฎที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2563 ที่พิพาทดังกล่าว มิได้มีลักษณะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้เจ้าพนักงานจราจรใช้ดุลพินิจว่า กรณีที่ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 หรือกฎหมายอื่นเกี่ยวกับรถ หรือการใช้ทาง การกระทำของผู้ขับขี่ดังกล่าวสมควรที่เจ้าพนักงานจราจรจะว่ากล่าวตักเตือน เช่น กรณีมีเหตุจำเป็น หรือเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก หรือการกระทำของผู้ขับขี่สมควรที่เจ้าพนักงานจราจรจะออกใบสั่งให้ผู้นั้นชำระค่าปรับหรือไม่ และเป็นจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบได้เป็นจำนวนเท่าใด หรือแม้แต่กรณีที่เจ้าพนักงานจราจรไม่พบด้วยตนเอง หรือเป็นการใช้เครื่องอุปกรณ์ต่างๆ เจ้าพนักงานจราจรย่อมมีดุลพินิจดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติใช้ดุลพินิจในการกำหนดค่าปรับกับผู้กระทำความผิดแทนเจ้าพนักงานจราจรหรือเจ้าพนักงานในตำแหน่งอื่น




กำลังโหลดความคิดเห็น