ครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุกองทัพกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ถือภาพถ่ายผู้เสียชีวิต 8 รายเรียกร้องความเป็นธรรมขณะคณะทูต-สื่อต่างชาติลงพื้นที่
วันนี้ (1 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.49 น. เพจ “กองทัพภาคที่ 2” โพสต์ภาพครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กองทัพกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ยืนถือภาพถ่ายผู้เสียชีวิต 8 รายให้คณะทูตและผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศดูขณะลงพื้นที่ พร้อมข้อความบรรยายว่า
ครอบครัวผู้สูญเสียยืนเรียกร้องความยุติธรรม ขณะที่ทูต-ทูตทหารกว่า 30 ประเทศยืนมองความจริง
Thai families stood holding portraits of the dead.
While military attachés and diplomats saw the evidence with their own eyes.
หลักฐานประจักษ์กลางสายตาโลก
ทูต-ทูตทหาร 23 ประเทศ เห็นกับตา “เหยื่อ BM-21” จากกัมพูชา
บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ - จุดที่จรวด BM-21 จากฝั่งกัมพูชาตกใส่ปั๊มน้ำมัน ปตท. และร้านสะดวกซื้อกลางชุมชน
ภาพที่ชัดเจนกว่าคำพูด: ครอบครัวของผู้เสียชีวิต 8 ราย นำกรอบรูปผู้จากไปมายืนเงียบๆ หน้าซากความเสียหาย เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนทางการทูตทั่วโลก
จุดเกิดเหตุ มีผู้บาดเจ็บ 10 ราย รวมถึงเด็ก - พิสูจน์การละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมสากลอย่างร้ายแรงโดยกัมพูชา
คณะลงพื้นที่:
- พล.ท.อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก
- พล.อ.ท.ณรัฐ บุญประเสริฐ เจ้ากรมกิจการพลเรือน ทอ.
- นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วย รมต.กต.
- เอกอัครราชทูต/อุปทูต 11 ประเทศ
- ทูตทหาร 23 ประเทศ
- สื่อต่างประเทศ-สื่อไทย
นี่ไม่ใช่ละคร ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อ แต่คือ บาดแผลของคนไทย ที่ตายจริง บาดเจ็บจริง…
“เมื่อความตายของพลเรือนไทย กลายเป็นพยานที่โลกมองเห็น”
ทั้งนี้ พลตรี นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 /รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะฯ ร่วมกับ กองทัพบก ได้นำเอกอัครราชทูตและอุปทูตจาก 11 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน บรูไน ญี่ปุ่น เมียนมา มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ รวมทั้งคณะทูตทหารจาก 23 ประเทศ ได้แก่ จีน มาเลเซีย ปากีสถาน เกาหลีใต้ รัสเซีย สิงคโปร์ เยอรมนี อินเดีย ลาว แคนาดา ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เวียดนาม อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ บรูไน ตุรกี และสหราชอาณาจักร
รวมถึงสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 150 คน ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเหตุการณ์ ตรวจสอบ และสังเกตการณ์ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพลเรือนไทยจากการใช้อาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชา อันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชา ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักกฎหมายสากลและหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ยื่นหนังสือประท้วงการกระทำดังกล่าวตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 หลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายกัมพูชา และยังคงมีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างข้อได้เปรียบในการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนอธิปไตยของไทย
สำหรับความเสียหายที่ปรากฏในสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ เกิดจากการสู้รบในพื้นที่ดังกล่าว โดยฝ่ายไทยมีเป้าหมายในการโจมตีทางทหารซึ่งฝ่ายกัมพูชาใช้สิ่งปลูกสร้างของพลเรือนเป็นที่กำบัง อย่างไรก็ตาม ไม่มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด
กองทัพไทยขอประชาคมโลก “เห็นความจริง”
• ไทยไม่ได้รุกราน
• ไม่เคยเลือกใช้กำลังเกินจำเป็น
• เคารพกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายมนุษยธรรม
• ขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการบิดเบือน และหันหน้ากลับสู่โต๊ะเจรจาอย่างตรงไปตรงมา
ข้อเท็จจริงไม่โกหก – ภาพถ่ายดาวเทียมไม่โกหก – บาดแผลพลเรือนไทยไม่โกหก 🇹🇭 กองทัพไทยยืนหยัดบนหลักสากล เพื่อปกป้องแผ่นดินอย่างชอบธรรม