xs
xsm
sm
md
lg

ดร.หิมาลัยเตือน "รักชาติ อย่าใช้อารมณ์" หวั่นกระทบความสัมพันธ์และเศรษฐกิจ หลังคลิปทำร้ายทหารกัมพูชาว่อนเน็ต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดร.หิมาลัยเตือน "รักชาติ อย่าใช้อารมณ์" หลังอดีตทหารพรานต่อยทหารกัมพูชา หวั่นกระทบสัมพันธ์-เศรษฐกิจ แนะคนไทยใช้สติ อดทน

จากกรณีปรากฏคลิปวิดีโอนักท่องเที่ยวรายหนึ่งเข้าทำร้ายทหารกัมพูชาบริเวณปราสาทตาเมือนธม ก่อนที่ “กองทัพบก” จะออกชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร

เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ล่าสุดวันนี้ (14 ก.ค.) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน และผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า

"รักชาติ อย่าใช้อารมณ์

ตามที่มีข่าวว่าอดีตอาสาสมัครทหารพรานต่อยทหารกัมพูชาที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ตามข่าวกล่าวว่าโดนทหารเขมรยั่วยุจนทนไม่ได้ เลยมีการใช้กำลังเกิดขึ้น หลังเหตุการณ์นี้มีการแสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย ผมใคร่ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นด้วยคนหนึ่งครับ

ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องคนไทยในเวลานี้ เพราะผมก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับท่าน มีความรู้สึกโกรธเวลาที่ได้เห็นคลิปของการยั่วยุจากฝ่ายตรงข้าม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว โดยมีเหตุผลดังนี้ครับ

1. จากคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเผยแพร่ไปแล้ว ดูจากการแต่งกายผู้ก่อเหตุ ทำให้ผู้คนที่ดูมีความเข้าใจว่าผู้ก่อเหตุเป็นทหาร โดยเฉพาะการแสดงอาการเหมือนกำลังจับมือกับทหารกัมพูชา และทหารกัมพูชาผู้นั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามอะไร แต่กลับถูกต่อยขณะที่กำลังยื่นมือให้จับ ภาพนี้ผมคิดว่าเราเสียเปรียบในสายตาชาวโลกครับ ในขณะที่เขาพยายามกล่าวหากับสื่อทั่วโลก ว่าทหารไทยเป็นผู้รุกราน ภาพของเหตุการณ์ครั้งนี้ รวมทั้งการแต่งกายของผู้กระทำ จะทำให้ข้อกล่าวหาของเขามีน้ำหนักความน่าเชื่อถือขึ้นครับ

2. หลังจากต่อยแล้ว ก็รีบวิ่งหลบหนีเข้าฝั่งไทย เท่าที่ดูตามภาพครับ ทหารไทยก็จำเป็นต้องปกป้องคุ้มครอง และถ้าเกิดทางทหารกัมพูชาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตรงนั้นมีอาวุธและอารมณ์ร้อน ก็อาจจะเกิดเหตุบานปลายได้ พวกเราลองคิดดูสิครับว่ามันคุ้มค่ากันไหม

สำหรับในกรณีชายแดนไทย-กัมพูชานี้ ผมเคยให้ความเห็นไว้แล้วครับ ว่าเราควรจะต้องอดทนอดกลั้นในกรณีดังกล่าว เพราะหากเกิดการทำสงครามหรือสู้รบขึ้น จะเกิดความเสียหายทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะกับประเทศเราซึ่งเวลานี้มีฐานเศรษฐกิจและรายได้ประชากรสูงกว่าเขามาก หากมีสงครามเกิดขึ้น มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของเรา ก็ย่อมมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

เข้าใจความรู้สึกของคนไทยนะครับ รวมถึงการสูญเสียดินแดนเราในอดีต แต่ผมอยากจะชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันที่ไม่ได้ทำให้เราได้เปรียบ จากการทำสงคราม การทำสงครามนั้น วัตถุประสงค์มีอะไรครับ เราต้องมาดูกัน

1. ต้องการดินแดน ในปัจจุบันนี้สมมติว่าเรารบชนะ และเคลื่อนกองทัพเข้าไปยึดจนถึงเมืองหลวงเขาได้ ถามต่อไปว่า เราสามารถจะประกาศผนวกดินแดนของเขาเป็นของประเทศเราเลยได้ไหมครับ เราเป็นมหาอำนาจแบบรัสเซีย อเมริกา จีน หรือเปล่าครับ ถ้าวันนั้นเราบุกยึดเมืองหลวงเขาได้ สูญเสียทรัพยากรกำลังพลกำลังทรัพย์ แล้วเราจะได้ดินแดนของเขา มาเป็นรางวัลมั้ยครับ ถึงวันนั้นสหประชาชาติ หรือประเทศมหาอำนาจ ลงมาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย แล้วให้เราถอยกลับที่เดิม เราขัดขืนเขาได้ไหมครับ แล้วที่เราลงทุนทำสงครามไปสูญเสียทั้งชีวิตทหารกับงบประมาณของทัพ มันจะได้อะไรตอบแทนครับ

2. ต้องการทรัพยากรธรรมชาติ ในวันนี้ทรัพยากรธรรมชาติส่วนมากระหว่างเขตแดนเขากับเราเท่าที่สำรวจได้ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ของเราครับ แค่เรารักษาไว้ได้ก็เพียงพอแล้วครับ ไม่ต้องไปเอาเขามาเพิ่มเติมหรอกครับ เหตุผลในการทำสงครามข้อนี้จึงตกไปครับ

นั่นคือสิ่งที่ผมเคยกราบเรียนไว้ ว่าเราต้องอดทนอดกลั้น ผลกระทบของความขัดแย้งในวันนี้ก็เริ่มเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศแล้วครับ ด้วยเหตุผลที่ประเทศเรามีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่า จะทำให้เรายืนระยะได้นานกว่าในประเทศเขา ถ้าเราติดตามข่าว ผลกระทบทางเศรษฐกิจ เริ่มส่งผลรุนแรงมากกว่าในประเทศเรา ขอให้พวกเราใช้สติและอดทน ในวันหนึ่งข้างหน้าประชาชนของเขานั่นแหละครับจะบอกผู้นำเขา ว่าให้เลิกทะเลาะกับไทยได้แล้ว"
กำลังโหลดความคิดเห็น