นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ย้ำว่าการรื้อรั้วไม้หน้าปราสาทตาเมือนธมเป็นผลงานจาก MOU 43 พร้อมชี้ว่าปัญหาไม่ได้มีเพียงการรื้อรั้ว แต่ยังมีการปักหมุดของกัมพูชาหลังปราสาทตาเมือนโต๊ด ซึ่งคลุมปราสาทตาเมือนธมไปด้วย ทำให้กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิในปราสาททั้งสองหลัง
นายเทพมนตรีเน้นย้ำว่า "เราต้องเลิก MOU 43 เพราะสร้างแต่ปัญหา"
จากกรณีอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ ได้ออกมาเปิดเผยภาพถ่ายที่ยืนยันการมีอยู่ของรั้วกั้นแนวชายแดนบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งถูกรื้อถอนออกไปในยุครัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยสาเหตุที่ต้องรื้อรั้วนั้นมาจาก MOU 43 และ JBC ทำให้มีการ เรียกร้องให้ยกเลิก MOU 43
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
"รั้วไม้ที่หน้าปราสาทตาเมือนธม
ที่รื้อรั้วไม้บริเวณหน้าตัวปราสาทตาเมือนธมออกไปเป็นผลงานจาก MOU 43 และ JBC กับคณะสำรวจร่วมไทย-กัมพูชาดำเนินการแจ้งรัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงสั่ง ผบ.ทบ. และสั่งการลงมายังแม่ทัพภาคที่ 2 และกองกำลังสุรนารี ให้เอารั้วนั้นออก
ขั้นตอนเป็นแบบนี้ มันมาจาก MOU 43 เลยปั่นป่วนตรงตาเมือนธมและพื้นที่อื่นๆตลอดแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา
นอกจากนี้ยังมีหมุดกัมพูชาที่เข้ามาปักหลังปราสาทตาเมือนโต๊ด มันเลยคลุมปราสาทตาเมือนธมนั้นไปด้วย ฝ่ายกัมพูชาจึงพยายามเคลมว่าปราสาทสองหลังนี้เป็นของกัมพูชา
ฝ่ายไทยปักหมุดตรงหัวสะพานขอบหน้าผาด้านตะวันตกเฉียงใต้ของตัวปราสาทตาเมือนธมราว 20-25 เมตร จึงยึดถือหมุดนั้น
เราจึงต้องเลิก MOU 43 ไงครับ เพราะสร้างแต่ปัญหา
ปล. ขอบพระคุณเจ้าของภาพ"