มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดยวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) จัดงาน "Future-Ready: Thriving in a Globalized Digital Economy" เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงานและโลกธุรกิจยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยกิจกรรมนี้ได้ผสานงานปัจฉิมนิเทศเข้ากับการนำเสนอผลงาน CIBA CWIE Project Expo ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสหกิจศึกษา เพื่อให้นักศึกษาได้รับทั้งความรู้เชิงลึกจากผู้บริหาร และประสบการณ์จริงจากการนำเสนอผลงาน
ภายในงานได้จัดให้มีการเสวนาเข้มข้น โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูง ประกอบด้วย คุณบุญ ชุน เกียรติ CFA, CPA กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) และ คุณวันรัฐ ผาติหัตถกร ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและธุรการ บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์เต่าบิน มาร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์อันล้ำค่าแก่นักศึกษา.
โดย คุณบุญ ชุน เกียรติ ได้แบ่งปันประสบการณ์และแนวคิดในการนำพาองค์กรอสังหาริมทรัพย์ฝ่ากระแสโลกดิจิทัลและการแข่งขันไร้พรมแดน โดยเน้นย้ำว่า "การเติบโตอย่างมั่นคง" ต้องอาศัย "การปรับตัว" "การสร้างคุณค่า" และ "การเป็นผู้นำ" ในยุคที่เทคโนโลยีเชื่อมโยงทุกสิ่ง นอกจากนี้ยังได้ให้ข้อคิดสำคัญเกี่ยวกับ การวางแผนทางการเงินและการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการไม่ติดเครดิตบูโร ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผู้บริหารใช้พิจารณาในการคัดเลือกบุคลากร และมีผลต่อโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
ด้าน คุณวันรัฐ ผาติหัตถกร ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยครอบคลุมเรื่อง การสมัครงาน การสัมภาษณ์ และการพัฒนาทักษะที่องค์กรต้องการ เช่น ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ทักษะการทำงานร่วมกับทีม และการคิดเชิงกลยุทธ์ ซึ่งการที่ได้ผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์โดยตรงเช่นนี้ ช่วยให้นักศึกษาได้รับรู้ถึงสิ่งที่ต้องเจอในโลกการทำงานจริง ภาพรวมขององค์กร รวมถึงทิศทางและยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจไม่ได้เรียนรู้ในเชิงลึกระหว่างการฝึกสหกิจ และยังเป็นการตอบคำถามที่นักศึกษาอาจยังคาใจจากการฝึกงานได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ อาจารย์สุรชัย สวนทับทิม รองคณบดี และหัวหน้าหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการและสาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวว่า การที่นักศึกษาได้เรียนรู้จากผู้บริหารระดับสูงโดยตรง ถือเป็นโอกาสที่ช่วยให้พวกเขาเข้าใจสิ่งที่ต้องเจอในโลกการทำงานจริง รวมถึงทิศทางและยุทธศาสตร์ทางธุรกิจขององค์กร ซึ่งการรับฟังมุมมองเหล่านี้ช่วยให้นักศึกษาสามารถเตรียมตัวและวางแผนอนาคตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
รองคณบดี กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "เรามุ่งหวังให้นักศึกษามีความพร้อมที่สุดก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน และการได้ฟังจากผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมโดยตรงช่วยให้พวกเขาเห็นภาพรวมขององค์กร เข้าใจแนวโน้มธุรกิจ และสามารถนำความรู้ไปปรับใช้กับการสร้างเส้นทางอาชีพของตนเอง"
นอกจากประสบการณ์จากผู้บริหาร นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ยังได้นำเสนอโปสเตอร์สรุปผลงานจากโครงการสหกิจศึกษา ซึ่งสะท้อนประสบการณ์จริงจากการทำงานในองค์กรและช่วยให้เข้าใจแนวทางที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในอนาคต ตลอดทั้งงานบรรยากาศยังอบอวลไปด้วยการมีส่วนร่วม ทั้งการตั้งใจรับฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และถาม-ตอบ โดยนักศึกษาหลายคนมองว่าเนื้อหามีความเกี่ยวข้องกับชีวิตจริง และเป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวสู่ตลาดแรงงาน นอกจากนี้การพบปะสังสรรค์ระหว่างนักศึกษาและอาจารย์ และการนำเสนอผลงาน ยังช่วยส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกสนาน ซึ่งเป็นสิ่งที่วิทยาลัยเน้นย้ำมาโดยตลอด
สำหรับแผนในอนาคต วิทยาลัยอยู่ระหว่างจัดทำฐานข้อมูลบริษัทที่นักศึกษาเคยฝึกงานหรือมี MOU เพื่อช่วยให้นักศึกษาเลือกสถานที่ฝึกงานได้ง่ายขึ้น พร้อมเดินหน้ากิจกรรมเตรียมความพร้อมให้นักศึกษา โดยเชิญวิทยากรภายนอกให้ความรู้ด้านเทคโนโลยี การใช้โปรแกรมจำเป็น บุคลิกภาพ การวางตัว และแนวคิดในการปรับตัวเข้ากับการทำงานและผู้คนที่หลากหลาย นอกจากนี้วิทยาลัยยังมีแผนเชิญบริษัทพันธมิตรมาร่วมเปิดบูธในงานสำคัญเพื่อให้ครบวงจรมากขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเปิดรับสมัครนักศึกษาโดยตรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการมุ่งเน้นพัฒนาทักษะ คุณภาพชีวิต และความพร้อมของบัณฑิต เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จและความมั่นคงในอนาคต
อาจารย์สุรชัย ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้สอนมานานกว่า 10 ปี ยังได้กล่าวถึงความสุขและความภาคภูมิใจสูงสุดในฐานะผู้ให้ความรู้ว่า คือการได้เห็นลูกศิษย์ประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีฐานะการเงินที่มั่นคง หรือเติบโตไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น "นั่นคือความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจที่สุดสำหรับผม"
"สิ่งสำคัญที่อยากฝากคือ การเลือกทำในสิ่งที่มีความสุข และสิ่งนั้นต้องก่อให้เกิดประโยชน์กับตนเอง โดยเฉพาะในโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างๆ เช่น ภัยสงคราม เศรษฐกิจ หรือโรคระบาด หัวใจสำคัญของการอยู่รอดและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ คือ การเรียนรู้ การปรับตัว การมีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา และการวางแผนชีวิต” รองคณบดี กล่าวทิ้งท้าย
