มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดยคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรหลักสูตรสุดยอดการบริหารธุรกิจด้วยกฎหมายสำหรับผู้นำองค์กร (Super LBA) รุ่นที่ 1 แก่ผู้สำเร็จการอบรมทั้ง 128 ท่าน ณ ห้องประชุม ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี
โดยในโอกาสนี้ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี พร้อมมอบประกาศนียบัตรและกล่าวให้โอวาทแก่ผู้สำเร็จการอบรม พร้อมชื่นชมผู้สำเร็จการอบรมทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรสำหรับผู้บริหารระดับสูงและผู้นำองค์กรนี้ ซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้น 5 เดือน ในการอบรมภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ การศึกษาดูงาน และการนำเสนอรายงานวิชาการ จนสำเร็จลุล่วงพร้อมได้รับความรู้ ทักษะ และมุมมองใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการต่อยอดการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.สุเมธ กล่าวอีกว่า หลักสูตรนี้ช่วยเสริมสร้างทักษะด้านกฎหมายเพื่อประยุกต์ใช้ในการบริหารงาน บริหารความเสี่ยง เรียนรู้หลักการและแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาทักษะความเป็นผู้นำทั้งด้านความคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจในประเด็นปัญหาเชิงบูรณาการ และยึดมั่นคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณในวิชาชีพ ตลอดจนเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนและเสริมสร้างเศรษฐกิจของชาติ
นอกจากนี้ ดร.สุเมธ ยังได้ขอให้ผู้สำเร็จการอบรมนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการบริหารงานและผลักดันให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคงและมีจริยธรรม ตลอดจนขยายความรู้ประสบการณ์เพื่อสร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติ และอวยพรให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำที่ทรงคุณค่าและขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน
“การเป็นผู้นำที่ดีต้องมีความรอบคอบในการตัดสินใจ โดยนำความรู้ด้านกฎหมายและเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมเปิดใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับองค์กรและสังคม ขอให้ทุกท่านใช้ความรู้ที่ได้รับอย่างเต็มศักยภาพ และเป็นผู้นำที่สามารถขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงและมีคุณภาพ พร้อมสร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติ”
ขณะที่ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ในฐานะประธานกรรมการหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 1 ได้กล่าวถึงหลักสูตร โดยระบุว่า “หลักสูตร Super LBA เป็นการบูรณาการความรู้ระหว่างศาสตร์การบริหารธุรกิจ กฎหมาย และเทคโนโลยีให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อมุ่งหวังให้ผู้บริหารระดับสูงและผู้นำองค์กรได้เรียนรู้ เข้าใจ และสามารถประยุกต์ใช้กฎหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการมีคุณธรรม จริยธรรม และความคิดสร้างสรรค์
ดร.สุทธิพล ยังกล่าวถึง 4 วัตถุประสงค์ของหลักสูตร ซึ่งประกอบด้วย 1.เพื่อเสริมสร้างทักษะทางด้านกฎหมาย ให้กับผู้บริหารระดับสูงและผู้นำองค์กร ให้สามารถเข้าใจประเด็นทางกฎหมาย และประยุกต์ใช้กฎหมาย ในการบริหารงานและบริหารความเสี่ยงให้เกิดประสิทธิภาพ
2.เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงหรือผู้นำองค์กรมีความรู้ความเข้าใจในสภาพเศรษฐกิจ พัฒนาการต่างๆ ประเด็นร่วมสมัยของสังคม โดยเฉพาะเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ในการทำงานหรือดำเนินธุรกิจในยุค New Normal, ความเสี่ยงภัยใหม่ๆ และความเกี่ยวข้องกับกฎหมายและกฎกติกาต่างๆ ในแต่ละขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ
3.เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ (Leadership Skills) โดยการฝึกการคิดและวิเคราะห์ในประเด็นปัญหาเชิงบูรณาการ, อันเป็นการสร้างผู้นำที่มีมุมมองที่รอบคอบ มีคุณภาพ คุณธรรม และจริยธรรม
4.เพื่อเป็นเวทีให้ผู้บริหารระดับสูงหรือผู้นำองค์กร ได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งมีการระดมความคิดในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อนำเสนอแผนงานที่นำกฎหมายมาประยุกต์ใช้เพื่อความยั่งยืนในธุรกิจและเศรษฐกิจของชาติ
สำหรับหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 1 ประกอบด้วยเนื้อหารวม 7 โมดูล จำนวน 38 รายวิชา ใช้ระยะเวลาในการอบรมทั้งสิ้น 116 ชั่วโมง ดำเนินการอบรมตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 และมีผู้เข้าอบรมและสำเร็จการศึกษาในรุ่นนี้รวมทั้งสิ้น 128 ท่าน
คุณพิชิต อรุณพัลลภ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ริชชี่ เฮ้าส์ จำกัด นักศึกษาหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 1 เปิดเผยว่า การเข้าร่วมหลักสูตรนี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ใน “มิติทางกฎหมาย” ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในเรื่องของสังคม สิ่งแวดล้อม และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นตัวกำหนดกรอบและความยั่งยืนของธุรกิจในอนาคต
"จากเดิมเราทำธุรกิจอสังหาฯ มักจะมองแค่เรื่องกำไรขาดทุนในองค์กร แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่ามีอีกหลายมิติที่ต้องพิจารณา" คุณพิชิตกล่าว พร้อมเสริมว่า ความรู้ทางกฎหมายที่รอบด้านจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเตรียมพร้อมและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบาย นอกจากนี้การได้พบปะและพูดคุยกับผู้บริหารจากหลากหลายอุตสาหกรรม ยังเป็นโอกาสสำคัญในการแลกเปลี่ยนมุมมอง ซึ่งช่วยให้เข้าใจถึงองค์ประกอบในการบริหารองค์กรอย่างยั่งยืน และสามารถนำแนวคิดเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ต่อยอดในการดำเนินงานได้จริง
"ใครที่ยังไม่ได้เข้ามาสัมผัส ผมอยากเชิญชวนให้ลองเปิดใจ เพราะที่นี่คือพื้นที่ของการเรียนรู้ การสนทนา และการสร้างเครือข่ายทางความคิดที่มีคุณภาพ ที่จะช่วยพัฒนาเราให้พร้อมรับมือกับโลกธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง" คุณพิชิต ฝากเชิญชวนผู้ที่สนใจให้เข้าร่วมหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2
ทางด้าน คุณรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG นักศึกษาหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 1 กล่าวว่า การได้เข้าร่วมหลักสูตรด้านกฎหมายสำหรับนักบริหารในระดับสูงSuper LBA ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ และต่อยอดการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะในยุคที่ข้อกฎหมายทั้งด้านลิขสิทธิ์ ทรัพย์สินทางปัญญา แรงงาน และการกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์ กลายเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล
และนอกจากความรู้ด้านกฎหมายแล้ว หลักสูตรยังเน้นถึงความสำคัญของ “คอนเนคชัน” ที่ได้จากการเรียนร่วมกับผู้บริหารจากหลากหลายองค์กร ซึ่งทำให้สามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แก้ปัญหาทางธุรกิจ และสร้างเครือข่ายที่มีคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ทุกคนในรุ่นที่เรียนด้วยกัน ล้วนเป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์ มีแนวคิดที่หลากหลาย และผ่านปัญหาธุรกิจมาในรูปแบบต่างๆ เราได้แลกเปลี่ยนกันในชั้นเรียน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะบางเรื่องแม้เราจะมีทีมกฎหมายอยู่แล้ว แต่การได้เห็นมุมมองจากผู้ที่เคยผ่านมาก่อนก็ช่วยให้เราตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น” คุณรังสรรค์ระบุ “ผมแนะนำเพื่อนๆ หลายคนแล้ว โดยเฉพาะผู้บริหารที่อยู่ในบริษัท หรือกำลังจะขยายธุรกิจ เพราะสิ่งที่เรียนสามารถนำไปใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่ในองค์กรเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมของสังคม เศรษฐกิจ และกฎหมายได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น"
ส่วน รศ. ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ประธานผู้บริหารกลุ่มบริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์จำกัด (มหาชน) หรือ SNPS นักศึกษาหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 1 เปิดเผยว่า การเข้าร่วมหลักสูตรนี้เป็นโอกาสที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจ หรือดำเนินกิจการในรูปแบบบริษัทมหาชน ที่จำเป็นต้องเข้าใจและประยุกต์ใช้กฎหมายอย่างลึกซึ้ง แม้โดยหลักการแล้ว พลเมืองไทยทุกคนควรรู้กฎหมาย แต่ด้วยความที่กฎหมายมีเนื้อหากว้างและซับซ้อน หลักสูตรนี้จึงเป็นเหมือนเข็มทิศที่ช่วยชี้ทางให้เราเข้าใจ “กฎหมายที่ควรรู้” และที่สำคัญคือเป็นกฎหมายที่สามารถนำไปปรับใช้เชิงธุรกิจได้จริง และเข้าใจถึงวิธีการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
รศ. ดร.พรรณวิภา ยังเน้นย้ำถึง ความรู้ทางกฎหมายไม่ใช่เพียงการอ่านบทบัญญัติตามตัวบท แต่ต้องรู้จักการตีความและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในบริบทธุรกิจจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้และฝึกฝนในหลักสูตรนี้ โดยกล่าวว่า "ในธุรกิจของเราที่เกี่ยวกับด้านความสวยความงาม เราจำเป็นต้องเข้าใจกฎหมายเชิงลึกหลายด้าน การที่ผู้บริหารมีความเข้าใจเหล่านี้ ช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงาน และวางแผนธุรกิจได้แม่นยำขึ้น"
นอกจากนี้ การเรียนหลักสูตรนี้ไม่ได้แค่ให้ความรู้ แต่ยังเปิดโลกให้ได้รู้จักผู้คนหลากหลายวงการ รวมถึงเพื่อนร่วมรุ่นที่มีประสบการณ์ด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นเครือข่ายที่มีคุณค่าอย่างมากในการช่วยเหลือกันและกันเมื่อเจอปัญหาทางธุรกิจ
"นี่คือความรู้ที่ควรจะอยู่ติดตัวผู้บริหารหรือผู้ประกอบการทุกคน ถือเป็นการลงทุนทางปัญญาที่คุ้มค่า และสามารถตอบโจทย์การบริหารธุรกิจในยุคที่กฎหมายมีบทบาทต่อทุกมิติของการดำเนินงาน" รศ. ดร.พรรณวิภา กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีมอบประกาศนียบัตร ยังมีพิธีมอบเงินสนับสนุนให้แก่ มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท โดย ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ DPU และประธานกรรมการหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 1 พร้อมด้วย ดร.ธีรอัศฐ์ สีหสินอิทธ ประธานนักศึกษาและตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 1 นอกจากนี้ยังมีการสมทบทุนเพิ่มเติมทั้งในนามบริษัทและบุคคลทั่วไป ทำให้ยอดรวมเงินบริจาคทั้งสิ้นเป็น 1,090,000 บาท โดยมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นผู้รับมอบ