xs
xsm
sm
md
lg

เผยตำนาน อ.รังสรรค์ ผู้ออกแบบ “สาทร ยูนีค ทาวเวอร์” แต่กลับถูกกระบวนการยุติธรรมทำลายชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพจช่างกฎหมายมันส์ เผยเรื่องราวผู้ออกแบบตึกสาทร ยูนีค ทาวเวอร์ โดย อ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกในตำนาน ถูกกระบวนการยุติธรรมทำลายชีวิต แม้สุดท้ายศาลจะตัดสินให้เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ชีวิตต้องพังพินาจเป็น “บุคคลล้มละลาย” เมื่อโดนคดี นักลงทุนหนีหาย ไม่มีเงิน ตึกก็ไปต่อไม่ได้ เป็นตึกร้างจนถึงทุกวันนี้

วันนี้ (30 มี.ค.) เพจ "ช่างกฎหมายมันส์-Letitbelaw" ได้โพสต์เล่าเรื่องราวผู้ก่อสร้างตึกสาทร ยูนีค ทาวเวอร์ (อังกฤษ: Sathorn Unique Tower) เป็นตึกระฟ้าที่ยังสร้างไม่เสร็จ บนถนนเจริญกรุง ในพื้นที่แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร อาคารนี้ซึ่งวางแผนไว้ว่าเป็นโครงการอาคารชุดสูง ต้องหยุดชะงักลงในระหว่างวิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 โดยระบุข้อความว่า “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์ โดยรังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกในตำนาน ยังเด่นโดยท้าทาย ตำนานผู้ออกแบบที่โดนกระบวนการยุติธรรมทำลายชีวิต วางเงินมาแล้วเราจะเล่าให้ฟัง

จากข่าวตึก สตง.โครงสร้างเสร็จสิ้นแต่ถล่มจากแผ่นดินไหว มองมาที่ตึกสาธรที่โครงสร้างเสร็จเช่นเดียวกัน แต่ยังยืนเด่นโดยท้าทาย อาจารย์รังสรรค์ คือผู้บุกเบิกการออกแบบยุคใหม่ การออกแบบในยุคนั้นนิยมในลักษณะอาร์ตเดคอร์ที่มีความโด่ดเด่นในลักษณะเรขาคณิต และมีความเหลี่ยม แข็ง ซึ่งง่ายต่อการก่อสร้าง และงานปูน สามารถดูได้ตามสถานที่ราชการเก่าๆ

ด้วยมุมมองที่แตกต่างของอาจารย์รังสรรค์
ต้องการออกแบบให้มีความนุ่นนวล และเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมากขึ้น จึงได้เพิ่มความอ่อนช้อยลงในงานออกแบบ ในรูปแบบกรีก-โรมัน จนกระทั่งได้เป็นผู้บุกเบิกการออกแบบ “เสาโรมัน” ที่แพร่หลายจนถึงทุกวันนี้

งานที่มีชื่อเสียงมีมากมาย เช่น สนามกีฬาราชมังคลาฯ ที่ออกแบบร่วมกับทีมวิจัยจุฬาฯ ท่านเป็นทั้งนักออกแบบ และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่สิ่งที่ทำให้อาจารย์รังสรรค์ชีวิตตกต่ำถึงขีดสุดคือ ”กระบวนการยุติธรรม” ในยุคสมัยที่เรียกว่า “วิกฤตตุลาการ” ประธานศาลฎีกาได้รับการแต่งตั้งโดยเผด็จการ มีผู้พิพากษาออกมาต่อต้าน และเกิดคดี “ลอบสังหารประธานศาลฎีกา” ซึ่งในขณะนั้นตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์กำลังสร้างขึ้น

โดยคดีนั้นอาจารย์รังสรรค์โดนจับในข้อหาเป็นหนึ่งในทีมวางแผนลอบสังหาร และถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 15 ปี เมื่อโดนคดี นักลงทุนก็หนีหาย ไม่มีเงิน ตึกก็ไปต่อไม่ได้ เป็นตึกร้างจนถึงทุกวันนี้

ส่วนตัวอาจารย์ แม้สุดท้ายศาลฎีกาจะตัดสินให้เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ชีวิตต้องพังพินาจเป็น “บุคคลล้มละลาย” จากความเลวทรามที่ทำต่ออาจารย์ ทุกวันนี้อาจารย์รังสรรค์ได้สนใจในศาสนา และวัตถุโบราณ
จนกลายเป็น “เซียนพระ” เป็นที่นับถือในวงการ อย่างที่เห็นกันว่ากระบวนการยุติธรรมโดนกัดกินโดยเผด็จการ
จนเข้าเนื้อในแล้ว สิ่งที่ทำได้จึงมีเพียงแค่ทำให้ความยุติธรรมต้องยึดโยงกับประชาชน

โดยวิธีที่ชัดเจนคือ ประธานศาลฎีกาต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรง และทุกศาลต้องขึ้นต่อประธานศาลฎีกาที่เลือกมาจากประชาชน ศาลไหนที่มีความเฉพาะตัวก็เป็น “ศาลชำนาญการพิเศษ” เราเล่าคุ้มตังค์ละ รักษาสุขภาพ เอาชีวิตรอดกันนะทุกคน บาย

ปล.สิ่งปลอบใจจากความระยำของมิจการช่างรอบนี้คือ มันถล่มก่อนมีการใช้งานจริง ไม่อย่างนั้นคือเสียหายหนักกว่านี้หลายเท่า”
กำลังโหลดความคิดเห็น