เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสนม สุทธิพิทักษ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี แสดงความยินดีกับดุษฎีบัณฑิต มหาบัณฑิต และประกาศนียบัตรบัณฑิต ในงานเลี้ยงแสดงความยินดี ซึ่งจะมีพิธีประสาทปริญญาบัตรในวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2568 ที่จะถึงนี้ โดยอธิการบดีได้กล่าวชื่นชมทุกท่านถึงความมุ่งมั่น อดทน และความสามารถในการปรับตัวของบัณฑิตรุ่นนี้ ซึ่งต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งภายในงานได้มีการแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัล DPU PRIDE จำนวน 17 คนอีกด้วย
“ช่วงเวลานั้นทุกคนต้องปรับตัวสู่การเรียนออนไลน์เต็มรูปแบบ และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็เข้าสู่ Blended Learning ความสามารถในการรับมือกับแรงกดดันและปรับตัวอย่างรวดเร็วถือเป็นทักษะสำคัญ ไม่เพียงในช่วงวิกฤต แต่ยังจำเป็นอย่างยิ่งในโลกยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” ดร.ดาริกา กล่าว
ดร.ดาริกา ยังเน้นถึงความสำเร็จของบัณฑิตระดับมหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิตที่ผ่านการตีพิมพ์งานวิจัย ซึ่งช่วยเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และการค้นคว้าอย่างเป็นระบบ อันเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต พร้อมทั้งย้ำถึงคุณค่าของประสบการณ์ที่ได้รับจากมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ในห้องเรียน การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย หรือความสัมพันธ์กับอาจารย์และเพื่อน
DPU PRIDE ต้นแบบแห่งความสำเร็จ
ในโอกาสนี้ ดร.ดาริกา ยังได้แสดงความยินดีเป็นพิเศษกับผู้ที่ได้รับรางวัล DPU PRIDE จำนวน 17 คน ที่เป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นและความเป็นเลิศ พร้อมส่งกำลังใจให้บัณฑิตนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนตามที่ใฝ่ฝัน
หนึ่งในผู้ได้รับรางวัล คือ “นายภูวนัย แสงพล” นักศึกษาปริญญาโทหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมเว็บและการพัฒนาแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์พกพา วิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เทคโนโลยี DPU ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยว่า ตนเลือกศึกษาที่ DPU เนื่องจากได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ และพบว่าโครงสร้างหลักสูตรเหมาะกับสายงานปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการทำคดีไซเบอร์
“ผมทำงานด้านคดีไซเบอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอยู่แล้ว การมาเรียนที่นี่ช่วยเสริมความรู้และนำไปปรับใช้ในงานจริงได้ อีกทั้งในหน่วยงานราชการ หากมีวุฒิระดับปริญญาโท ก็สามารถช่วยย่นระยะเวลาในการเลื่อนระดับจาก 6 ปี เหลือเพียง 4 ปี ได้อีกด้วย” ภูวนัย กล่าว
นอกจากนี้ ภูวนัยยังกล่าวถึงบรรยากาศในการเรียนที่มหาวิทยาลัยว่า เต็มไปด้วยความอบอุ่นจากอาจารย์และเพื่อนร่วมรุ่น อาจารย์ทุกท่านมีความเป็นกันเองและคอยให้คำแนะนำตลอดเวลา ทำให้แม้จะเป็นหลักสูตรที่เข้มข้น แต่ก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างสนุกสนานและมีประสิทธิภาพ
เช่นเดียวกับ “ดร.พรวิไล อุ้ยดำรงธรรม” ผู้สำเร็จการศึกษาจาก หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ ที่ได้รับรางวัล DPU Pride ประจำปี 2566 ซึ่งมอบให้แก่ผู้ที่มีผลงานดีเด่นด้านวิชาการและงานวิจัย โดยเฉพาะการใช้ความรู้ในกฎหมายแรงงานและสิทธิของผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในสังคมไทย
ดร.พรวิไล เปิดใจว่า รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลนี้ ซึ่งเป็นผลจากความตั้งใจในการศึกษาและการนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในงานวิจัยเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานและสิทธิของผู้ต้องขัง การเรียนที่มหาวิทยาลัยไม่เพียงพัฒนาองค์ความรู้ทางกฎหมาย แต่ยังเสริมสร้างแนวคิดในการวิจัยและการประยุกต์ใช้กฎหมายอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการทำงานในปัจจุบัน โดยเฉพาะในฐานะอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ดร.พรวิไลได้นำความรู้ไปสอนวิชากฎหมายแรงงาน และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสิทธิของผู้ต้องขัง พร้อมทั้งพัฒนางานวิชาการผ่านการวิจัยและการเขียนตำรากฎหมายที่ขยายขอบเขตความเข้าใจในแวดวงกฎหมายให้กว้างขึ้น
ดร.พรวิไล ยังได้แชร์ความท้าทายที่เจอระหว่างการเรียนในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ต้องบริหารเวลาให้ลงตัวระหว่างการเรียนและการทำหน้าที่อาจารย์ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการสนับสนุนจากคณาจารย์และมหาวิทยาลัย ทำให้ ดร.พรวิไล สามารถสำเร็จการศึกษาได้ตามเป้าหมาย
“ที่นี่เป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง ที่ให้ทั้งความรู้ ความอบอุ่น และการสนับสนุนจากคณาจารย์ ไม่เพียงแต่สอนในห้องเรียน แต่ยังให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา และช่วยผลักดันให้งานทางวิชาการประสบความสำเร็จ” ดร.พรวิไลกล่าวอย่างภูมิใจ “และนอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการนำความรู้ไปใช้จริง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคม ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้นำไปใช้ในการทำงานทุกวันนี้”
มากกว่าห้องเรียนคือ ‘โอกาส’ ที่ไร้ขีดจำกัด
ความสำเร็จของบัณฑิต DPU เกิดขึ้นจากการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยสนับสนุน ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ความรู้ในห้องเรียน แต่ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ทั้งในด้านวิชาการและทักษะชีวิต ในวันซ้อมรับปริญญาของนักศึกษาวันนี้ นอกจากความตื่นเต้นในการจบการศึกษาแล้ว จึงอบอวลไปด้วยความภาคภูมิใจในความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาตนเองตลอด 4 ปี
“ปอนด์-คุณพัทธ์ พิเชษฐ์วรวุฒิ” นักศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ ดารานักแสดงมากด้วยความสามารถและว่าที่ผู้กำกับในอนาคต เล่าถึงการเติบโตในรั้ว DPU ว่า การเรียนที่นี่ไม่เพียงแค่ให้ความรู้ด้านทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังเน้นการฝึกปฏิบัติและการทำงานจริง ซึ่งช่วยให้เขาสามารถพัฒนาทักษะทั้งในด้านการแสดงและการทำงานเบื้องหลัง โดยเฉพาะการได้ฝึกงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในโปรเจกต์ที่จะฉายในเดือนเมษายน ถือเป็นการทำงานเบื้องหลังครั้งแรกในชีวิต และเป็นการทำตามความใฝ่ฝันที่เขามีมานานตั้งแต่เด็ก
ปอนด์ ยังกล่าวถึงการใส่ใจนักศึกษาของอาจารย์ที่ให้คำปรึกษา ช่วยให้เขามีเป้าหมายที่ชัดเจน และทำให้เขารู้ว่าควรไปในทิศทางไหน นอกจากนี้อาจารย์ยังคอยกระตุ้นและให้กำลังใจ แม้จะเรียนจบไปแล้วแต่ปอนด์ก็ยังติดต่ออาจารย์เพื่อขอคำปรึกษา เพราะอาจารย์ที่นี่เป็นคนที่มีพลังบวกและคอยสนับสนุนความฝันของนักศึกษาตลอดเวลา
“ผมรู้สึกอบอุ่นตั้งแต่ตอนสมัครเข้าเรียน จนกระทั่งมาเข้าเรียน เหมือนเราเป็นคนหนึ่งในครอบครัว มหาวิทยาลัยให้การสนับสนุนทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้สถานที่หรืออุปกรณ์ ถึงจะเป็นงานส่วนตัวแต่มหาวิทยาลัยไม่เคยปิดกั้น ทำให้ใช้ความรู้ที่เรียนมาได้เต็มที่ และทำให้นักศึกษาได้แสดงออกและเติบโตตามทักษะที่ตัวเองสนใจ” ปอนด์ระบุ
ด้าน “สปาย-พงศกร จักรแก้ว” นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ และอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามหลักแสน บอกว่าเส้นทางของเขาเริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนจะขยายตัวขึ้นจากโอกาสที่ได้รับในรั้ว DPU
“ก่อนเข้ามาเรียน ผมเป็นแค่เด็กต่างจังหวัดธรรมดาๆ มีคนติดตาม 100-200 คน แต่พอได้มาเรียน อาจารย์บอกว่า ‘เป็นตัวของตัวเองให้ได้มากที่สุด’ ผมก็ทำแบบนั้น และก็มีคนติดตามผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
สปาย ยังกล่าวถึงสิ่งที่ DPU มอบให้ว่า “ที่นี่ไม่ได้เพียงแค่สอนในห้องเรียน” แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเตรียมความพร้อมก่อนทำงาน โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ งานกีฬาคณะของนักศึกษา ที่ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่เป็นพื้นที่ฝึกฝนทักษะการทำงานเป็นทีม การสื่อสาร และการอยู่ร่วมในสังคม ฯลฯ
หรือหลักสูตรของภาพยนตร์ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำหนัง แต่ยังผสานความรู้ด้านการบริหาร การทำธุรกิจ และศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นักศึกษาพร้อมสำหรับโลกการทำงาน นอกจากนี้อาจารย์ยังเต็มที่กับการสอนด้วย Passion ที่อยากให้นักศึกษาได้พัฒนาตัวเองจริงๆ อยู่ที่ว่านักศึกษาจะนำไปปรับใช้ได้มากน้อยแค่ไหน
“กิจกรรมสำหรับที่นี่ ต้องเรียกว่าลานกิจกรรม เพราะมีเยอะมาก ทำให้ 4 ปีที่เรียนเป็นเรื่องสนุกและไม่เหนื่อย และช่วยให้เราได้ลองผิดลองถูก ได้แสดงออกและทำสิ่งที่สนใจจริงๆ ทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะคณะนิเทศ ที่ย้ำว่านักศึกษาต้องเป็น Beyond Content Creator คำโฆษณาไม่เกินจริงเลย ต้องคิดทุกกระบวนการ ตั้งแต่ก่อนโพสต์ ไปจนถึงการบริหารจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้ลงมือปฏิบัติจริง หลักสูตรจึงนำไปใช้ได้ทันทีหลังจบ”
คว้าโอกาสและเป็นตัวเอง อนาคตที่สดใสรออยู่
ทั้งสปายและปอนด์ต่างเห็นพ้องกันว่า DPU มี DNA ของความอบอุ่นและการเรียนรู้ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งช่วยให้นักศึกษาได้เรียนรู้และเติบโตอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ทั้งคู่ยังฝากถึงรุ่นน้องว่า “อย่ากลัวที่จะลงมือทำ” เพราะมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยโอกาสที่รอให้คว้า และพร้อมสนับสนุนให้ทุกคนเติบโตในทิศทางของตัวเองที่ดีที่สุด
“ขอให้กล้าที่จะลอง และเรียนให้สนุก เที่ยวได้แต่ต้องรู้หน้าที่” ปอนด์กล่าวย้ำ ขณะที่สปายเสริมว่า “จงเป็นตัวของตัวเอง และเปิดรับทุกโอกาสที่เข้ามา”
เช่นเดียวกับคำแนะนำของ ดร.พรวิไล ที่ฝากถึงนักศึกษารุ่นใหม่ว่า การเรียนปริญญาเอกไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม หากมีเป้าหมายและความพยายามที่แน่วแน่ แม้ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แต่ถ้ามีความตั้งใจจริง ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้แน่นอน