xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติร่วมหารือกันในงาน 2024 Pearl Bay International Climate Investment and Financing Conference

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในงานประชุมวิชาการ PBCIFC 2024 (2024 Pearl Bay International Climate Investment and Financing Conference) เขตหนานซา นครกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 8-9 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการสร้างความร่วมมือในด้านการจัดการผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากประเทศไทย ซาอุดีอาระเบีย และเม็กซิโก ได้เข้าร่วมบรรยายผ่านทางออนไลน์ โดยทางประเทศไทย นำโดย ผศ.ดร.กุลบุตร โกเมนกุล จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) และ ดร.ชาริกา ชาญนันทพิพัฒน์ นักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ได้ร่วมแสดงมุมมองและแนวทางที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.กุลบุตร โกเมนกุล อาจารย์ประจำสาขาการเงิน การลงทุน และเทคโนโลยีการเงิน วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) และกรรมการบริหาร สมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย (TMWTA) ได้กล่าวถึงความเปราะบางของภาคการท่องเที่ยวไทยที่เผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่รุนแรงขึ้น เช่น อุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลต่อฤดูท่องเที่ยว เหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงที่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลที่กัดเซาะชายฝั่งที่สำคัญ ซึ่งส่งผลต่อการดำรงชีวิตของชุมชนท้องถิ่นและรายได้จากการท่องเที่ยว


การบรรยายของ ผศ.ดร.กุลบุตร ยังมุ่งเน้นถึงแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมที่พักที่ใช้พลังงานหมุนเวียน การจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ การขนส่งที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น รถโดยสารไฟฟ้าและเรือพลังงานสะอาด นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงการปกป้องชายฝั่งผ่านการสร้างกำแพงกันคลื่น การฟื้นฟูป่าชายเลน และการสร้างเขตกันชนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเน้นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนโครงการด้านการเงินและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว

ในช่วงท้าย ผศ.ดร.กุลบุตรชี้ให้เห็นว่าภาคการท่องเที่ยวไทยแม้จะเปราะบางต่อผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ แต่ก็มีโอกาสในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือระดับนานาชาติและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาสถานะของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลกในยุคของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นหนทางที่ถูกต้องเพียงทางเดียวในการบรรลุวิสัยทัศน์ร่วมกันของการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวของโลก


ด้าน ดร.ชาริกา ชาญนันทพิพัฒน์ นักวิชาการด้านการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน จาก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้บรรยายในหัวข้อ "ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความสำคัญของการเงินเพื่อการแก้ปัญหา" เธอเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเมืองในฐานะแนวหน้าในการเผชิญกับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ โดยเมืองเป็นทั้งศูนย์กลางของเศรษฐกิจและนวัตกรรม แต่ก็เปราะบางต่อภัยพิบัติต่างๆ เช่น น้ำท่วมและคลื่นความร้อน การลงทุนในความยืดหยุ่นของเมืองจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ดร.ชาริกา ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของคุณภาพอากาศในเมือง โดยชี้ให้เห็นว่ามาตรการต่างๆ เช่น การขนส่งสีเขียว การใช้พลังงานหมุนเวียน และการเพิ่มพื้นที่สีเขียว นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้วยังปรับปรุงคุณภาพอากาศ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของเมืองที่ยั่งยืน 


เธอยังกล่าวถึงบทบาทของการเงินเพื่อการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นว่าต้องบูรณาการการประเมินความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศเข้ากับนโยบายสาธารณะและการจัดทำงบประมาณ การจัดหาเงินทุนที่เพียงพอจากทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยแนะนำให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงกลไกทางการเงินที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อให้การสนับสนุนทางการเงินที่มั่นคงและต่อเนื่องสำหรับการก่อสร้างและการพัฒนาเมืองที่ปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ

นักวิชาการจากประเทศไทยทั้ง 2 ท่าน ยังได้เน้นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในการสนับสนุนการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน โดยการส่งเสริมการลงทุนจากองค์กรระดับนานาชาติและภาครัฐเพื่อสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการแบ่งปันความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ดี และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในประเทศที่ประสบความท้าทายคล้ายกัน ย้ำถึงความจำเป็นของการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยการแบ่งปันองค์ความรู้และเทคโนโลยี และหวังว่างาน PBCIFC 2024 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและปลอดภัยสำหรับทุกภาคส่วน




กำลังโหลดความคิดเห็น