เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชีย สื่อจากประเทศญี่ปุ่น ยอมแก้ไขเนื้อหาข่าว ระบุการชำระเงินด้วย QR ขยายตัวในประเทศไทย มาเลเซีย และกัมพูชา หลังตัดประเทศไทยออกจากแผนภูมิ ขณะที่แบงก์ชาติแจง ปี 2023 ไทยมีปริมาณการชำระเงินผ่าน QR Payment มากถึง 5,700 ล้านครั้ง
วันนี้ (25 ก.ย.) จากกรณีที่เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชีย ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวและบทวิเคราะห์จากประเทศญี่ปุ่น รายงานข่าว โดยได้นำเสนอแผนภูมิหัวข้อ QR code payments in Southeast Asia หรือปริมาณการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่าไม่มีประเทศไทยอยู่ในการจัดอันดับดังกล่าว ทั้งที่ประเทศไทยมีระบบชำระเงิน QR Payment ผ่านระบบพร้อมเพย์ ส่งผลให้มีชาวเน็ตไทยเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ข่าวชิ้นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กเพจ Nikkei Asia จำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้พบว่าเคยนำเสนอแผนภูมิโดยใส่ข้อมูลประเทศไทยผิด พอถูกทักท้วงพบว่าตัดประเทศไทยออกจากการจัดอันดับไปเลย
อ่านประกอบ : อึ้ง! สื่อญี่ปุ่น Nikkei Asia ตัดประเทศไทยออก จัดอันดับสแกนจ่าย QR code ในอาเซียน
ล่าสุดเว็บไซต์นิกเกอิ เอเชีย ได้แก้ไขเนื้อหา ระบุพาดหัวข่าวว่า "QR payments expand in Thailand, Malaysia and Cambodia" (การชำระเงินด้วย QR ขยายตัวในประเทศไทย มาเลเซีย และกัมพูชา) พร้อมโปรยข่าวว่า "Cross-border links and tourist services add to region's growing digital money usage" (การเชื่อมโยงข้ามพรมแดนและบริการด้านการท่องเที่ยวทำให้การใช้เงินดิจิทัลในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น) โดยแก้ไขล่าสุด 24 ก.ย. 2567 เวลา 21.33 น.ตามเวลาญี่ปุ่น
พร้อมกันนี้ ยังมีการแก้ไขแผนภูมิหัวข้อ "QR code payments in Southeast Asia" (การชำระเงินด้วยรหัส QR ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) โดยใส่ประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งมีปริมาณการชำระเงินในปี 2023 มากกว่า 5,000 ล้านครั้ง ต่างจากปี 2022 มีปริมาณการชำระเงิน 2,500 ล้านครั้ง
ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปคอมเมนต์ในเพจของ Nikkei Asia ระบุว่า "สำหรับประเทศไทย ข้อมูลอย่างเป็นทางการโดยธนาคารแห่งประเทศไทย การโอนเงินและการชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์เพิ่มขึ้นจาก 14,800 ล้านครั้งในปี 2022 เป็น 19,900 ล้านครั้งในปี 2023 ส่วนปริมาณธุรกรรมการชำระงินผ่าน QR payment ในประเทศไทยผ่านระบบพร้อมเพย์ (เปรียบเทียบกับประเทศอื่นในแผนภูมิ) เพิ่มขึ้นจาก 2,500 ล้านครั้งในปี 2022 เป็น 5,700 ล้านครั้งในปี 2023" กระทั่งเว็บไซต์ Nikkei Asia ได้แก้ไขเนื้อหาและแผนภูมิในที่สุด