หัวหน้าโครงการขนส่งแบบยั่งยืนในตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เผยความคืบหน้ารถเมล์ด่วน BRT สายแรกในเมืองหลวงของลาวคืบหน้า 15% คาดแล้วเสร็จกลางปี 68 ทดลองเดินรถปลายปี 68 และให้บริการอย่างเป็นทางการต้นปี 69 พร้อมโครงการปรับปรุงทางเท้า บริหารที่จอดรถริมทาง และจัดซื้อจักรยานสามล้อไฟฟ้า 150 คัน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) สำนักข่าวสารประเทศลาว (KPL) รายงานว่า โครงการขนส่งแบบยั่งยืนในตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งมี 5 องค์ประกอบ 5 ภารกิจ ได้แก่ การจัดตั้งการบริหารการขนส่งในตัวเมือง, ปรับปรุงจุดบริการรถเมล์สาธารณะ และสร้างระบบรถเมล์ด่วน (Bus Rapid Transit) หรือ BRT, ปรับปรุงการบริหารจัดการจราจร สร้างระบบบริหารที่จอดรถตามริมทาง, ปรับปรุงทางเท้า และการขนส่งแบบไม่ใช้เครื่องยนต์ (Non-Motorize Transport) หรือ NMT
ปัจจุบันการก่อสร้างโดยรวมสำเร็จแล้ว 63% โดยเฉพาะการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบรถเมล์ด่วน BRT ตั้งแต่สวนเจ้าฟ้างุ้ม ไปถึงมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว (ดงโดก) รวมระยะทาง 12.9 กิโลเมตร คืบหน้าแล้ว 15% คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในกลางปี 2568 และจะทดลองบริการเดินรถเมล์ด่วนปลายปี 2568 ก่อนเปิดบริการอย่างเป็นทางการในต้นปี 2569 เป็นต้นไป
นายคำพัน วันทะนา หัวหน้าโครงการขนส่งแบบยั่งยืนในตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบรถเมล์ด่วน BRT เริ่มตั้งแต่สวนเจ้าฟ้างุ้ม ไปถึงมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ผ่านถนนสุพานุวง ถนนเศรษฐาธิราช ถนนหนองบอน ถนนไกสอนพรมวิหาน และถนนสะพันมึก รวมระยะทาง 12.9 กิโลเมตร มีสถานีขนส่งรถเมล์ทั้งหมด 27 จุด แบ่งเป็นสถานีกลางทาง 22 จุด และสถานีข้างทาง 5 จุด โดยจะใช้รถเมล์ไฟฟ้า 55 คัน ขนาดความยาว 12 เมตร มี 4 ประตู ข้างละ 2 ประตู มี 40 ที่นั่งรวมคนขับ โดยมีการออกแบบเฉพาะเพื่อให้บริการผู้โดยสารทั่วไป และผู้พิการหรือทุพพลภาพ
พร้อมกันนี้ ยังได้สร้างศูนย์บำรุงรักษา และศูนย์บัญชารถเมล์ (ศูนย์ควบคุมการเดินรถเมล์) ซึ่งตั้งอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 13 ใต้ บ้านโพนคำ เมืองไชยธานี นครหลวงเวียงจันทน์ พร้อมทั้งก่อสร้าง ติดตั้ง และปรับปรุงสัญญาณไฟจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่รถเมล์ BRT อยู่จุดทางตัด ทางแยก ทั้งหมด 41 จุด หนึ่งในนั้นจะติดตั้งระบบสัญญาณไฟจราจรใหม่ 24 จุด และจุดกลับรถ 4 จุด บนถนนไกสอนพรมวิหาน ไปตามแนวเส้นทางรถเมล์ด่วน ปรับปรุงเวลาไฟเขียว ไฟเหลือง ไฟแดง เสาไฟ ตู้ควบคุม และอื่นๆ จำนวน 13 จุด
ระบบขนส่งสาธารณะแบบใหม่นี้จะวิ่งให้บริการร่วมสายทางร่วมกับเครือข่ายรถเมล์ของรัฐวิสาหกิจรถเมล์นครหลวงเวียงจันทน์ (VCSBE) รวมระยะทาง 148 กิโลเมตร สำหรับการให้บริการรถเมล์ด่วน จะมีตารางเวลาที่แน่นอน รถเมล์ด่วนจะจอดตามป้ายที่กำหนดไว้เท่านั้น ชำระค่าโดยสารด้วยบัตรสมาร์ทการ์ด (Smart Card) แทนเงินสด ภายในรถมีกล้องวงจรปิด CCTV, อินเทอร์เน็ตไว-ไฟ และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยครบชุด ผู้โดยสารรถเมล์สาธารณะทั่วไปสามารถเดินทางไปได้ทุกสายกับรถเมล์ด่วน โดยใช้บัตรสมาร์ทการ์ดดังกล่าว
สำหรับการก่อสร้างระบบบริหารที่จอดรถตามริมทาง โครงการจะจัดสรรที่จอดรถตามริมทางอยู่ทางร่วมทั้งหมด 8 เขต ตามการวางแผนเบื้องต้น พื้นที่ที่จะจัดสรร สามารถรองรับรถยนต์ได้ 2,777 คัน และรถจักรยานยนต์ 1,202 คัน ในที่นี้มีรถผู้อยู่อาศัย 2,378 คัน ปัจจุบันแผนกโยธาธิการและขนส่งนครหลวงเวียงจันทน์ กำลังจัดทำระเบียบว่าด้วยการบริหารที่จอดรถอยู่ในตัวเมือง เพื่อนำเสนอต่อองค์การปกครองนครหลวงเวียงจันทน์รับรอง และประกาศใช้เพื่อจัดสรรความเป็นระเบียบเรียบร้อยของตัวเมือง โดยมุ่งลดปัญหาการจราจรแออัดและอุบัติเหตุตามถนนหลวง
ส่วนการปรับปรุงทางเท้าและการขนส่งไม่ใช้เครื่องจักร โครงการจะปรับปรุงทางเท้า ปรับปรุงทัศนียภาพ ตามแผนพัฒนาโครงการที่ได้ตกลงกับผู้ให้ทุน คือ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ได้แก่ ถนนเจ้าอานุ (เหนือและใต้) ถนนแห่งบุน และถนนขุนบุลม (ข้างตลาดเช้า) ซึ่งโครงการได้จัดซื้อรถจักรยานสามล้อไฟฟ้า 150 คัน เพื่อให้บริการผู้โดยสารระหว่างสถานีรถเมล์ด่วนแต่ละจุด เขตท่องเที่ยวในตัวเมือง และรับ-ส่งนักท่องเที่ยว
นายคำพันยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลได้ดำเนินโครงการขนส่งแบบยั่งยืนในตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์มาตั้งแต่ปี 2557 โดยมีกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว เป็นเจ้าของโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ปรับปรุงแก้ไขสภาพการจราจรแออัด อุบัติเหตุตามท้องถนน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการขนส่งแบบยั่งยืนในตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ได้รับเงินกู้ยืมและความช่วยเหลือจากบรรดาองค์การให้ทุนสากล และทุนสมทบของรัฐบาล สปป.ลาวทั้งหมด 99.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,377 ล้านบาท
อ่านประกอบ : เริ่มแล้ว ลาวก่อสร้างรถเมล์ด่วนพิเศษ BRT ขนส่งมวลชนใหม่นครหลวงเวียงจันทน์ (3 มิ.ย. 2567)
