ข่าวที่ออกมาว่า นายวัฒนา อัศวเหม กลับมาแล้ว ไม่เป็นความจริงภาพที่แชร์กันนั้นอยู่ที่ปอยเปต กัมพูชา แต่ไม่ว่ายังไง มังกรการเมืองรายนี้จะต้องใช้วิทยายุทธ เดินทางกลับไทยเป็นแน่
นายวัฒนา อัศวเหม เจ้าพ่อแห่งเมืองปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ หลายปีที่ตัวจะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยก็จริง แต่ต้องยอมรับว่ายังคงทรงอิทธิพลในทางการเมืองในพื้นที่นี้พอสมควร ดังจะเห็นได้จากบรรดาคนแวดล้อมครอบครัวอัศวเหมยังคงสามารถครองที่นั่งทางการเมืองได้อย่างเหนียวแน่นตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับประเทศ
เป็นที่ทราบกันดีว่านายวัฒนาได้ออกเดินทางไปจากประเทศไทยตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ศาลกำลังพิจารณาคดีทุจริตโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ จนกระทั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาเมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ฐานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจให้ผู้อื่นร่วมออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับคลองสาธารณประโยชน์และที่เทขยะมูลฝอย ซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม นำไปขายให้กรมควบคุมมลพิษ เพื่อก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
จากนั้นในเดือนกรกฎาคม 2561 ศาลแขวงดุสิต อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ 254/2547 ที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยรวมทั้งหมด 19 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนายวัฒนา เป็นจำเลยที่ 19 โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี
นับจากนั้นเป็นต้นมาความเคลื่อนไหวของนายวัฒนาก็ไม่ได้ปรากฎให้เห็นต่อสาธารณะเท่าใดนัก เพียงแต่มีรายงานข่าวออกมาว่านายวัฒนาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ตามประเทศต่างๆ เช่น ฮ่องกง จีน กัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่นายวัฒนามีธุรกิจส่วนตัว โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชาที่มีธุรกิจกาสิโนที่ชื่อว่า กาสิโนแกรนด์ไดม่อน ซึ่งถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ไปเมื่อปลายปี 2565
ขณะที่ ในปี 2563 นายวัฒนาก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ คือ การมอบหมายให้นายศรีสุวรรณ จรรยา เป็นผู้มีอำนาจยื่นเรื่องต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรมในเวลานั้น เพื่อขอให้มีการรื้อฟื้นคดีคลองด่านขึ้นมาใหม่โดยที่นายวัฒนาพร้อมจะกลับมาประเทศไทยเพื่อสู้คดี แต่ได้รับการปฏิเสธจากนายสมศักดิ์
เนื่องจากติดเงื่อนตรงที่นายวัฒนายังไม่ได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม ทำให้การรื้อคดีตามที่นายวัฒนาร้องขอนั้นไม่อาจเป็นไปได้ แม้ว่านายศรีสุวรรณ จะประกาศในเวลานั้นต่อมาว่าพร้อมยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาโดยตรง แต่ความพยายามในส่วนนี้ก็เงียบหายไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากเงื่อนเวลาในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าคดีของนายวัฒนาที่ได้ตัดสินเป็นที่สุดในบางคดีนั้นกำลังจะหมดอายุความลง โดยคดีที่ว่านั้น คือ คดีที่ศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 10 ปีตั้งแต่ปี 2551 โดยคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 98 ซึ่งถือว่าได้หมดอายุความไปแล้ว แต่สำหรับคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาในปี 2561 ที่ให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปีนั้น ยังคงอยู่ในอายุความ โดยเป็นคดีที่มีอายุความ 10 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปี 2571
นับจากนี้เป็นต้นไปน่าจับตามองว่านายวัฒนาในวัย 87 ปีจะตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยหรือไม่ เนื่องจากถ้านับอายุความในคดีที่ศาลลงโทษจำคุก 3 ปี จะเหลือเวลาอีกประมาณ 4-5 ปีเท่านั้นคดีก็จะหมดอายุความ และยิ่งมีบรรทัดฐานใหม่เกี่ยวกับการควบคุมตัวนักโทษที่เป็นอดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ได้สิทธิรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจเกิน 120 วัน ประกอบกับมีระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ด้วยแล้ว อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นายวัฒนาที่เคยมีความตั้งใจอยากกลับคืนสู่มาตุภูมิเป็นทุนเดิมผ่านการมอบอำนาจให้นายศรีสุวรรณดำเนินการก่อนหน้านี้ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เมื่อมองจากเงื่อนไขต่างๆแล้ว ประตูต้อนรับนายวัฒนาถือว่าเปิดกว้างพอสมควร เพียงแต่อาจต้องยอมรับเงื่อนไขบางประการ เช่น การรับโทษตามคำพิพากษาบางส่วน เพื่อเป็นใบเบิกทางในการขอพักโทษด้วยการอ้างถึงการเป็นผู้สูงวัยและมีอาการป่วย ตามกฎกระทรวงที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560
ภายใต้เงื่อนไขทั้งหมดนี้คงต้องมารอดูกันว่านายวัฒนา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมังกรการเมืองคนหนึ่ง จะใช้วิทยายุทธเดินทางกลับไทยเมื่อไร อย่างไร
ข่าวที่ออกมาว่า นายวัฒนา อัศวเหมกลับมาแล้ว ไม่เป็นความจริง ภาพที่กลุ่มคนใกล้ชิดไปพบนั้น เป็นบ้านที่อยู่ปอยเปต กัมพูชา ขณะที่วัฒนาก็ยังพักอยู่ที่นั่น
ล่าสุดเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในงานขึ้นบ้านใหม่ของนายสุนทร ปานแสงทอง ทายาทการเมืองคนสนิทนายวัฒนา อดีตรัฐมนตรี และว่าที่ผู้สมัครนายกอบจ.สมุทรปราการ มีวิดีโอคอลมาแสดงความยินดีจากนายวัฒนา โดยนายวัฒนา พูดทิ้งท้ายว่า อีกสองเดือนจะกลับไทย สองเดือนที่ว่ายังมาไม่ถึง
สถานการณ์ที่เปิดกว้างเช่นนี้ นายวัฒนาจะใช้ช่องทางใดกลับบ้าน จะมาอย่างคนไม่มีโทษทัณฑ์ หรือยอมเข้าคุก
----------------------------------------------------
Sondhi App เปิดให้ Download ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
