ไต้หวันขอการสนับสนุนให้มีส่วนร่วมในระบบการจัดการสาธารณสุขของโลก หลังจากถูกกีดกันไม่ให้เป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลก (WHO) ท่ามกลางความเสี่ยงของสถานการณ์โรคระบาดต่าง ๆ
นายจางจวิ้นฝู ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ระบุว่า หลังเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เป็นการเตือนให้ทราบว่าภัยคุกคามจากสถานการณ์แพร่ระบาดยังดำรงอยู่ แม้จะไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern: PHEIC) แล้วก็ตาม
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก ( WHO) ยังออกคำเตือนให้ระวังต่อภัยคุกคามของโรค-เอ็กซ์ (Disease-X)อย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือในการยกระดับการจัดการด้านสาธารณสุขของโลกจึงเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลไทย ไต้หวัน และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกไม่อาจละเลยได้
ระหว่างการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 องค์การอนามัยโลกและหลายประเทศได้เริ่มพิจารณายุทธศาสตร์การรับมือ และระบุว่ากฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulation: IHR) มีกฎระเบียบที่จำกัดความเกินไป และควรแก้ไขทบทวนกฎระเบียบ รวมถึงอนาคตส่งเสริมกลไกติดตามตรวจสอบรายงานและการแบ่งปันข้อมูล ยกระดับความสามารถในการรับมือความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนปรับปรุงเกณฑ์ขั้นต่ำในการประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ เป็นต้น
ขณะเดียวกันก็เร่งรัดการหารือความตกลงภาวการณ์ระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic Agreement) ครั้งใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์ให้มีระบบการตรวจสอบความรับผิดชอบ ความโปร่งใสและความเป็นธรรม อันจะเป็นต้นแบบโครงสร้างการรับมือภาวการณ์ระบาดใหญ่ทั่วโลก
ความตกลงฉบับนี้คาดว่าจะผ่านมติที่ประชุมใหญ่องค์การอนามัยโลก หรือ WHA ครั้งที่ 77 ซึ่งจะเปิดประชุมระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม ถึงวันที่ 1 มิถุนายน ศกนี้ ไต้หวันสนับสนุนการทบทวนปรับปรุงกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR2005) อย่างแข็งขัน และขอสนับสนุนความตกลงภาวการณ์ระบาดใหญ่ทั่วโลกซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไต้หวันไม่ใช่ประเทศสมาชิกของ WHO จึงไม่อาจเข้าร่วมการประชุมการแก้ไข IHR2005 และการร่างความตกลงภาวการณ์ระบาดใหญ่ทั่วโลกโดยตรง ดังนั้น ไต้หวันจึงขอเรียกร้องให้ WHO ยอมรับให้ไต้หวันเป็นฝ่ายผู้ลงนามในเอกสารดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการร่วมกันควบคุมสอดส่องไวรัสสายพันธุ์ใหม่ การแจ้งเตือน และการแบ่งปันข้อมูลการทดสอบเชื้อ การค้นคว้าวัคซีนหรือยาต้านไวรัส ตลอดจนผลการทดลองทางคลินิค เป็นต้น สำหรับเตรียมพร้อมรับมือภาวการณ์ระบาดใหญ่ทั่วโลกรอบต่อไป ร่วมกันสรรค์สร้างสังคมนานาประเทศที่มีความยืดหยุ่นในการป้องกันโรคภัย ไต้หวันขอเรียกร้องให้WHOสนับสนุนไต้หวันให้มีส่วนร่วมในระบบการจัดการสาธารณสุขของโลก
ไต้หวันขอยืนยันคำมั่นว่าจะยึดมั่นในหลักการความเป็นมืออาชีพ เน้นการปฏิบัติได้จริง สร้างคุณูปการในการเข้าร่วมเครือข่ายความปลอดภัยทางสาธารณสุขของโลก และจะร่วมมือกับ WHO ในการสรรค์สร้างโครงข่ายสาธารณสุขของโลกที่ถ้วนทั่วยิ่งขึ้น
คณะกรรมการเศรษฐศาสตร์สุขภาพประชากรขององค์การอนามัยโลกพบว่า อย่างน้อยมี 140 ประเทศที่ยอมรับในรัฐธรรมนูญว่าสุขอนามัยเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ทว่า ยังมีอีกหลายประเทศที่ไม่ได้ผ่านกฎหมายการคุ้มครองให้ประชากรของตนได้รับการดูแลด้านสุขอนามัย
ไต้หวันทุ่มเทให้กับสุขภาพประชาชนโดยถ้วนหน้า หลายสิบปีที่ผ่านมา ไต้หวันได้พัฒนาความเป็นมืออาชีพด้านการรักษาพยาบาลและการสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบูรณาการเสริมสร้างสวัสดิการสังคม ตั้งแต่การส่งเสริมความแข็งแกร่งของการรักษาระดับปฐมภูมิ การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากประชากรทุกคน ผลักดันโครงการสุขภาพจิต เสริมความแข็งแกร่งเครือข่ายความปลอดภัยของสังคม และระบบการรักษาพยาบาลที่รวดเร็วคล่องตัว เพื่อป้องกันรักษาโรคระบาดและโรคไม่ระบาด
เสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ เพื่อยกระดับสิ่งแวดล้อมที่เป็นคุณต่อสุขภาพประชากรถ้วนหน้าในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ ไต้หวันกำลังทุ่มเทให้กับประสบการณ์และความรู้เฉพาะทางที่ได้จากประสบการณ์การส่งเสริมสุขภาพถ้วนหน้า
เพื่อช่วยให้ประชาคมโลกบรรลุเป้าหมายสุขภาพถ้วนหน้าให้เป็นจริง
วันอนามัยโลกประจำปี 2024 ภายใต้หัวข้อ “สุขภาพของเรา สิทธิของเรา” มีวัตถุประสงค์เรียกร้องให้ทุกคนมีสิทธิได้รับบริการด้านสุขภาพ การศึกษา และข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนความปลอดภัยของน้ำดื่มน้ำใช้ อากาศที่สะอาด โภชนาการที่ดี สภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยและการทำงานที่เหมาะสม โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลและภาคประชาชนของไต้หวันพยายามร่วมแรงร่วมใจกับมิตรประเทศและองค์กรระหว่างประเทศในการช่วยเหลือประชาคมโลก ทำให้สิทธิสุขอนามัยเกิดขึ้นจริง ไต้หวันได้อำนวยความช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลแก่ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิคตอนใต้ ช่วยเหลือและปรับปรุงโภชนาการของเด็กและสตรีเขตภัยพิบัติจากเหตุแผ่นดินไหวของเฮติ ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่กู้ภัยผู้อพยพชาวยูเครนในโรมาเนีย ประกอบการสร้างการสนับสนุนทางจิตใจเชิงสังคมแก่ผู้อพยพเด็กและสตรีในโรมาเนีย ไต้หวันได้ให้ความช่วยเหลือการยกระดับความสามารถในการปรับตัวที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคทะเลแคริบเบียน รวมถึงช่วยเหลือหน่วยงานสาธารณสุขยกระดับพื้นฐานองค์กรสาธารณสุขในการอำนวยน้ำสะอาดและการเข้าถึงสาธารณสุข ณ เคนยา
ไต้หวันช่วยองค์การอนามัยโลกทำให้แนวคิด “สุขอนามัยคือสิทธิมนุษยชนประเภทหนึ่ง” ให้เป็นจริง ทว่า สิทธิสุขอนามัยของประชากร 23 ล้านคนในไต้หวันกลับถูก WHO ละเลยด้วยปัจจัยทางการเมือง ไต้หวันจึงขอเรียกร้องต่อ WHO และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โปรดตระหนักถึงคุณูปการของไต้หวันที่มีต่ออนามัยของโลกและสิทธิมนุษยชนด้านสุขภาพ
ขอเสนอให้ WHO ควรรักษาทีท่าที่เปิดกว้างและยืดหยุ่นมากกว่านี้ โดยยึดหลักการมืออาชีพและความครอบคลุม เชื้อเชิญไต้หวันเข้าร่วมการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) การประชุม กิจกรรม และกลไกอื่นที่จัดโดย WHO รวมทั้งการประชุมความตกลงภาวการณ์ระบาดใหญ่ทั่วโลกที่ WHO กำลังหารืออยู่ขณะนี้ ทั้งนี้เพื่อร่วมกันบรรลุเป้าหมาย “สุขอนามัยคือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน” ตามธรรมนูญของ WHO และวิสัยทัศน์ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ในการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ.