เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 21 มี.ค. นางภาวิณีย์ สิรธนาวณิชย์ อายุ 53 ปี เข้าให้ปากคำต่อ ร.ต.ท.วิราช สำราญ รอง สว.(สอบสวน) สน.บางนา หลังนำรถอัลพาร์ด ไปให้เซลส์ดำเนินการขายเพื่อนำเงินมาออกรถยุโรป เซลส์รับประกัน ตีราคาให้ พร้อมแนะนำเต็นท์เสร็จสรรพ แต่ถึงเวลา ไม่เป็นอย่างที่ตกลงไว้สักอย่าง แถมรถก็ไม่ได้คืน รวม 2,820,000 บาท
นางภาวิณีย์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567 ตนเจอกับเซลส์ขายรถยนต์ของศูนย์แห่งหนึ่งย่านบางนา
ที่ได้ไปออกบูทที่ห้างชื่อดัง ตนจึงได้เข้าไปสอบถามว่าถ้าหากว่าตนต้องการนำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้ารุ่น Alphard
ปี 2022 มาทำการตีเทิร์นเพื่อที่จะเปลี่ยนเป็นรถยนต์คันใหม่จะรับตีเทิร์น Toyota Alphard หรือไม่เพื่อที่จะนำค่าตีเทิร์นมาเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของเงินดาวน์ ซึ่งทางเซลส์ได้บอกว่าทางศูนย์บริการรับตีเทิร์น
ต่อมาเซลส์จึงให้ตนส่งรูปรถมาให้ดูเพื่อเป็นการประเมินราคาล่วงหน้า ก่อนเห็นรถตัวจริงและเซลส์ได้แจ้งราคาตีเทิร์นในเบื้องต้นได้ราคาอยู่ที่ 1,900,000 บาท พร้อมกับแจ้งว่าได้ปรับราคาตีเทิร์นได้เท่ากับมูลค่าเงินดาวน์เทียบได้กับ 30.16% พร้อมกับแจ้งว่าตนต้องผ่อนชำระเป็นระยะเวลา 60 งวด ค่างวดอยู่ที่ 52,674 บาท และเมื่อวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ตนได้ให้คนขับรถนำรถไปตีราคาที่ศูนย์โชว์รูม เมื่อทางเซลส์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายประเมินราคาได้เห็นรถได้แจ้งราคาประเมินมาให้ว่ารถตนมีมูลค่าในการตีเทิร์นอยู่ที่ 1,950,000 บาท และได้ส่งใบเสนอราคาซึ่งระบุมาว่าราคาอัปเดตเงินดาวน์ จากนั้นเซลส์คนดังกล่าวได้ให้ตนทิ้งรถ ไว้ที่โชว์รูม โดยอ้างว่าไม่อยากให้เลขไมล์รถเพิ่มจำนวนขึ้นจะทำให้รถราคาตก และเซ็นเอกสารโอนลอยตามไปทีหลัง โดยมีการเซ็นสัญญาโอนเงินค่าจอง 200,000 บาทให้กับทางบริษัทรถ และโอนให้เต็นท์ 120,000 บาทเป็นค่าดำเนินการปิดไฟแนนซ์
ต่อมาตนได้สอบถามไปที่เซลส์ถึงเรื่องเงินส่วนต่างจากการปิดไฟแนนซ์ แต่ได้รับคำตอบว่าเงินตนไม่เหลือในการตีเทิร์นออกดาวน์รถซึ่งถ้าตนต้องการออกรถคันใหม่จะต้องจ่ายเงิน 1,760,000 บาท เพื่อไปเป็นเงินดาวน์สำหรับรถคันใหม่ ตนจึงตกใจเป็นอย่างมากเนื่องจากที่เราคุยกันแต่ต้นมันไม่ใช่เป็นไปตามเงื่อนไข ทำไม ทางเซลส์ไม่แจ้งเงื่อนไขให้ชัดเจนถึงเรื่องการดำเนินการว่าจะต้องมีการให้ตนรับผิดชอบในเรื่องการปิดไฟแนนซ์ ตนจึงเข้าใจว่าหลังจากปิดไฟแนนซ์แล้วตนจะเหลือเงินดาวน์รถ 1,900,000 บาท เพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องนำรถยนต์ไปให้ทางเซลส์ดำเนินการ แต่ก็ได้คำตอบจากเซลส์คือเกิดข้อผิดพลาดในการสื่อสาร
ตนทำการติดต่อสอบถามไปยังผู้จัดการของศูนย์บริการดังกล่าว ทางผู้จัดการตอบกลับมาเพียงแค่ว่าทางศูนย์บริการไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ทำได้แค่นำเงิน 200,000 บาทมาคืนให้ตนเท่านั้นส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่สามารถรับผิดชอบได้ และเซลส์คนดังกล่าวได้ลาออกไปแล้ว จึงเชื่อว่าพฤติกรรมในครั้งนี้มีการทำกันเป็นขบวนการหลอกลวง ทำให้ตนต้องสูญเสียรถไปฟรีๆ จึงมาแจ้งความดังกล่าว