xs
xsm
sm
md
lg

"ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์" เขียน "น้ำตาศิษย์ลาวที่เมืองอุบลฯ" เผยชาวลาวรักกรมสมเด็จพระเทพฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชาวเน็ตแห่แชร์บทความ "น้ำตาศิษย์ลาวที่เมืองอุบลฯ" ของ ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ ราชบัณฑิตและสถาปนิกชื่อดัง บันทึกความประทับใจเมื่อครั้งที่สอนหนังสือที่คณะวิศวะ ม.อุบลฯ และนักเรียนทุน ป.โทชาวลาว รักกรมสมเด็จพระเทพฯ ชี้เมืองไทยโชคดี มีเจ้าหญิงอุดมด้วยเมตตาธรรม ทรงงานหนักเพื่อผู้อื่นมายาวนาน

วันนี้ (15 ก.พ.) ชาวเน็ตแชร์บทความจากเฟซบุ๊ก "ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์" ของนายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ ราชบัณฑิตและสถาปนิกชื่อดัง ระบุว่า "น้ำตาศิษย์ลาวที่เมืองอุบลฯ (สำหรับผู้ที่รักเจ้าหญิงในดวงใจ กรุณาอ่านเถิดครับ)

เมื่อวานนี้ ผมไปสอนหนังสือที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.อุบลราชธานี สอนตั้งแต่ ๘.๓๐ น. ยันเครื่องบินออกตอนค่ำตามเคย สนุกดี และมีบรรยากาศดี แม้จะสอนปีละเพียงวันเดียว แต่ก็มีความเป็นกันเองเหมือนกับสอนกันมาทั้งปี

ใน Class ที่สอน มีนักเรียนทุน ป.โท จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาวมาเรียนด้วย เป็นอาจารย์อยู่ที่ลาวครับ เป็นหญิงหนึ่งคนและชายหนึ่งคน ตั้งใจเรียนเหมือนนักเรียนที่ต้องมาเรียนต่างถิ่นเป็นธรรมดา

การสอนวันนั้นไม่เน้นทางวิชาการ แต่เน้นวิธีคิด ในตอนหนึ่งของการสอนขั้นตอนการตัดสินใจ Engineering Critical Thinking “การจัดระบบความคิดให้เป็นระเบียบ” เพื่อให้นักเรียนสามารถ “ผลิตงานภายใต้แรงกดดัน” ให้ได้ (Productive Under Pressure) จึงเชิญนักศึกษาไทย ๒ คน และนักศึกษาลาว ๑ คน มายืนหน้าห้อง

ผมเริ่มถามนักเรียนไทยว่า...

"เมืองไทยนั้นเป็นเมืองที่คนทั่วโลกบอกว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม เป็นเมืองที่ฝรั่งมังค่าบอกว่าเป็นเมืองแห่งความเป็นมิตร ช่วยเหลือและโอบอ้อมอารี.... แต่เคยคิดไหมว่าทำไม ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่มีแต่ศัตรูรอบด้าน เพื่อนบ้านของเรา ไม่ว่าจะเป็นพม่า มาเลเซีย ลาว เขมร เวียดนาม ต่างก็เกลียดเมืองไทยกันหมดเลย.... มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

นักเรียนไทย.... นิ่ง

ผมพูดต่อว่า.... “ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเกิดจากเหตุและปัจจัย เราต้องหาเหตุและปัจจัยให้ได้”

นักเรียนไทยคนหนึ่งตอบว่า.... “เขาคงอิจฉาเรา เพราะเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร”

ถามนักเรียนไทยต่อว่า...

“รู้สึกไหมว่าในภูมิภาคนี้ ไม่มีประเทศไหนเลยที่จะทำลายทรัพยากรของประเทศเพื่อนบ้านเหมือนพวกคนไทยเรา เราไม่เคยได้ยินว่า ลาวมาตัดป่าเมืองไทย หรือพม่ามาขุดแร่เมืองไทย.. เราเคยแต่ได้ยินว่าคนไทยเราไปตัดป่า ขุดแร่ในลาว ในเขมร ในพม่า.. มันเกิดอะไรขึ้นหรือ”

นักเรียนไทย.... นิ่ง

ผมพูดต่อว่า.... “การนิ่ง ไม่ได้แก้ปัญหา”

นักเรียนไทยตอบว่า.... “อาจจะเพราะว่าเราเจริญกว่า และเราค้าขายเก่งกว่า”

ผมถามนักเรียนไทยต่อว่า....

“ประเทศแถวๆ เรานี้ ล้วนเป็นประเทศที่มีศิลปวัฒนธรรมมายาวนาน หลายแห่งเป็นมรดกโลก... แต่รู้สึกไหมว่า ไม่มีประเทศไหนเขามาเอาศิลปวัตถุของเราไปเลยในยามที่ทั้งสองฝ่ายสงบไม่รบกัน ข่าวว่ามีแต่เราที่เข้าไปตัด เข้าไปขโมย เข้าไปขนศิลปะของเขามาวางขายในบ้านเรา ทั้งเทวรูปหิน หน้าบันไม้ ต่างๆ นานา แถมส่งไปขายให้ต่างประเทศอีกด้วย ... มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

นักเรียนไทย.... นิ่ง (อาจจะเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังถูกวางยาอะไรสักอย่าง)

ผมถามต่อว่า.... "กลับมาถึงคำถามแรกดีกว่า ทำไมเพื่อนบ้านเราเขาถึงเกลียดเรา”

นักเรียนไทย.... นิ่ง

ถามต่อว่า.... “เพราะอะไรหรือครับ”

นักเรียนไทย.... นิ่ง

ผมหันไปถามนักเรียนทุนจาก สปป.ลาว ว่า...

“คนลาวรู้สึกอย่างไรกับคนไทยบ้างครับ ขอให้ตอบตามจริงอย่างสุภาพ ไม่มีอารมณ์ แต่ขอให้พูดความจริง เพราะในนี้คือห้องเรียน และการพูดของท่านอาจจะเป็นจุดเล็กๆ ในการแก้ปัญหาให้ลูกหลานไทย-ลาว เพื่อให้เราอยู่กันอย่างมีความสุขขึ้น”

นักศึกษาลาว.... นิ่ง (สงสัยว่ายังงงๆ อยู่ หรืออาจจะกำลังติดตามคำตอบของนักเรียนไทยอย่างจดจ่ออยู่)

ผมพูดต่อว่า.... “ความน่าสนใจก็คือ ตอนนี้มีคนเวียดนามเข้ามาในลาวมาก รู้สึกอย่างไรกับเพื่อนบ้านจากแดนซ้าย กับเพื่อนบ้านจากแดนขวา”

นักศึกษาลาวตอบว่า... “พูดจริงๆ นะคะ คนลาวรู้สึกว่าคนไทยดูถูกและเอาเปรียบคนลาว”

ข้าพเจ้า... นิ่ง (ไป ๒ อึดใจ) และพูดต่อเพื่อขอเวลาคิดบ้างว่า.... “เป็นความรู้สึกของตนเองหรือของคนลาวโดยรวม”

นักศึกษาลาวตอบว่า... “เป็นภาพรวมๆ ทั่วประเทศค่ะ”

กระผม... นิ่ง (ไปอีก ๑ อึดใจ) และหันหน้ามาบอกนักเรียนไทยอีก ๖๐ ชีวิตใน Class ว่า..

“นี่คือคำตอบจากความจริงใจของเพื่อนชาวลาว ต้องขอบคุณเขาที่เขากรุณาบอกความจริงให้เรา และนับแต่นี้เป็นต้นไป เราคงต้องคิดและคิดแล้วครับว่า เราจะทำอย่างไรต่อไป”

ผมพูดต่อว่า ....

“การกระทำใดต่อไป จะต้องเกิดจากข้อมูลและความเข้าใจ ต้องใจกว้าง และเริ่มปฏิบัติการแก้ปัญหาแห่งความรู้สึกนั้น เริ่มทำตั้งแต่วันนี้ ปัญหาอาจจะไม่สามารถแก้ได้ในวันเดียว คงต้องอาศัยเวลา วันหนึ่งความรักก็จะกลับมาหาพวกเราทุกคนในภูมิภาคนี้อีกครั้งหนึ่ง... คิดและเริ่มทำ ได้แล้วกระมังครับ"

ผมหันกลับมาที่ศิษย์ลาวแล้วพูดว่า..... “รู้จักสมเด็จพระเทพรัตนฯ หรือไม่”

นักศึกษาลาวตอบว่า... “รู้จักดีค่ะ”

ผมถามต่อว่า.... “วิจารณ์หรือแสดงความรู้สึกต่อพระองค์ท่านสักนิดซิครับ”

นักศึกษาลาวตอบว่า..... “ท่านเป็นคนดีที่สุดในโลก”

นักศึกษาลาวพูดต่อว่า.... “พระเทพเป็นคนดีที่สุด พระเทพรักคนลาว เป็นห่วงคนลาว เข้าใจคนลาว ช่วยเหลือคนลาว ไม่เคยดูถูกคนลาว ท่านเป็นคนที่ดีมากๆๆ”

ผมถามนักศึกษาลาวต่อว่า... “คนลาวรู้สึกอย่างไรต่อพระองค์ในภาพรวม”

นักศึกษาลาวพูดเสียงเครือๆ ว่า...

“คนลาวรักสมเด็จพระเทพมากๆ มีบ้านพระเทพอยู่ที่เขื่อนน้ำงึมด้วย เรารู้สึกว่าพระเทพเป็นคนที่ดีที่สุด เป็นห่วงและทำให้เมืองลาวมากๆ..... ฯลฯ...”

ผมพูดต่อไปว่า... “มีอะไรจะพูดอีกไหมครับ”

นักศึกษาลาว.... เงียบ และยกมือขึ้นปาดน้ำตา

ยอดเยี่ยม... อึ้ง และเงียบไปเหมือนกัน

ผมหันกลับมาหาลูกศิษย์ไทยอีก ๖๐ ชีวิตว่า....

“นี่ คือทองคำที่อยู่บนหัวนอนเรา เราอาจจะรู้ว่าเรามีทองคำอยู่ แต่ด้วยความเคยชิน เราจึงไม่ค่อยได้เช็ดถูรักษาทองคำของเรา แต่เราก็จะไม่ยอมให้ใครมาเอาทองคำของเราไป....

เป็นความรู้สึกที่เราต้องรู้สึก และเป็นความรู้สึกที่วิศวกรอย่างเราต้องแสดงออกมาเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ นี่คือความรู้สึกของเรา”

หลังจากนั้นผมพูดอีกหลายประการ แต่ขออนุญาตไม่บันทึกไว้ที่นี้ เพราะเกรงว่าจะไม่สมควรที่จะบันทึกเป็นตัวหนังสือออกมาครับ

ผมรักประเทศไทย....
ผมรักและเทิดทูนสมเด็จพระเทพรัตนฯ ครับ

ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒"

นอกจากนี้ นายยอดเยี่ยมกล่าวว่า "ผมบันทึกเรื่องนี้ไว้นานแล้ว และขออนุญาตนำมาลงบันทึกอีกครั้งหนึ่ง

บันทึกตรงไปตรงมาจากหัวใจศิษย์ลาวบันทึกนี้มีผู้นำไปส่งต่อและลงพิมพ์ในหลากหลายสื่อ ดังนั้น หากท่านใดต้องการส่งต่อ กรุณาอย่าเกรงใจใดๆ ครับ

เป็นความจริงที่เกิดขึ้น ว่าเมืองไทยเราโชคดีเหลือเกิน ที่มีเจ้าหญิงที่อุดมด้วยเมตตาธรรม ทรงงานหนัก เพื่อผู้อื่นมาตลอดเวลายาวนาน .... “เจ้าหญิงผู้เดินตามรอยเท้าพ่อ”"

และกล่าวอีกว่า "สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงงานอย่างหนักมาก หนักอย่างไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์คนหนึ่งจะทำงานหนักได้เพียงนี้....

ทรงรักและรับผิดชอบต่อคนทุกหมู่เหล่า ทุกชุมชนในหลากหลายประเทศ และทรงถ่อมพระองค์ (ถ่อมตัว) สมถะ ไม่เคยเบียดเบียนผู้ใด ... ทำให้ผู้คนทั้งหลายซาบซึ้ง และรักพระองค์มากมายทั่วไป"
กำลังโหลดความคิดเห็น