xs
xsm
sm
md
lg

สถานีปาดังเบซาร์ มาเลย์ ห้ามแท็กซี่-รถตู้ดักเรียกผู้โดยสาร แต่ไม่วายมีนางนกต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สะพานลอยข้ามทางรถไฟปาดังเบซาร์ มาเลเซีย ปิดแล้ว ปิดอยู่ ปิดต่อ แทนที่ด้วยป้ายห้ามคนขับรถแท็กซี่เข้ามาชักชวนคนในล็อบบี้สถานี พบมีนางนกต่อคอยหลอกนักท่องเที่ยว จ็อบพาสปอร์ดที่สถานีฯ ไม่ได้ ต้องไปจ็อบข้างนอก ก่อนจัดหารถแท็กซี่ส่งไปที่ด่านฯ เสียค่าใช้จ่ายนับร้อยบาท ก่อนรู้ความจริงว่าจ็อบที่สถานีฝั่งมาเลย์ก็ได้

วันนี้ (11 ก.พ.) จากกรณีที่เว็บไซต์ WORLD OF BUZZ (WOB) สื่อของมาเลเซีย รายงานข่าวถึงกรณีที่มีการปิดสะพานลอยข้ามทางรถไฟ จากด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ฝั่งประเทศมาเลเซีย ไปยังสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส ของการรถไฟมาลายา (KTMB) รัฐวิสาหกิจของมาเลเซีย และมีการเลื่อนเปิดใช้มาแล้วหลายครั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวจำต้องขึ้นรถแท็กซี่เพื่ออ้อมไปยังด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ เสียค่าใช้จ่ายนับร้อยบาท ทั้งที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ภายในศูนย์ ICQS ของด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสถานีรถไฟเท่านั้น โดยมีทางรถไฟคั่นกลาง ทำให้มีชาวเน็ตมาเลเซียรายหนึ่งวิจารณ์ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บรรดาผู้ประกอบการรถแท็กซี่หรือไม่ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านประกอบ : สะพานลอยรถไฟปาดังเบซาร์เลื่อนเปิด ชาวมาเลย์โวย "เอื้อประโยชน์แท็กซี่"

ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่า หลังข่าวเกี่ยวกับการปิดสะพานลอยข้ามทางรถไฟถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่าได้มีการเอาป้ายประกาศที่ระบุไว้ว่าจะเปิดใช้สะพานลอยในวันที่ 30 เม.ย. 2567 ออกไปแล้ว และในไม่กี่วันถัดมาได้มีป้ายกระดาษติดแทนที่จากฝ่ายจัดการของการรถไฟมาลายา (KTMB) เป็นภาษามาเลย์ ลงวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา สาระสำคัญเป็นคำเตือนไปถึงบรรดาผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถแท็กซี่ แกร็บ และรถรับจ้างทุกชนิด ขอความร่วมมือไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในล็อบบี้ของอาคารสถานีเพื่อเรียกผู้โดยสารรถไฟหรือผู้ใดก็ตาม โดยมีผลบังคับทันที


รายงานข่าวแจ้งว่า ในกลุ่มแลกเปลี่ยนการเดินทางท่องเที่ยวประเทศมาเลเซียแห่งหนึ่ง มีนักท่องเที่ยวรายหนึ่งถูกสุภาพสตรีรายหนึ่งที่อยู่ภายในบริเวณล็อบบี้ชั้น 2 สถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ฝั่งประเทศมาเลเซีย คอยเข้าหาและบอกนักท่องเที่ยวที่ลงจากรถไฟในช่วงเที่ยงและบ่าย ที่ขบวนรถขาเข้าจากสถานีชุมทางหาดใหญ่ ประเทศไทย ยังไม่เข้าสถานี และด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ภายในสถานี ซึ่งอยู่ที่ชั้น 1 ยังไม่เปิด และเปิดอีกครั้งในช่วงที่รถไฟจากประเทศไทยเข้าสถานี อ้างว่าไม่สามารถลงตราประทับหนังสือเดินทางที่นี่ได้ ต้องออกไปข้างนอก คือศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ แล้วกลับมาที่สถานี

ก่อนที่สุภาพสตรีคนดังกล่าวจะหารถแท็กซี่มาให้ ทำให้นักท่องเที่ยวต้องเสียค่าเดินทาง 2 ต่อ คือ รถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์รับจ้าง ประมาณ 260 บาท ทั้งที่มีระยะทางไม่กี่กิโลเมตร กว่าจะรู้ความจริงเมื่อเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ฝั่งไทย ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ระบุว่าสามารถลงตราประทับหนังสือเดินทางที่สถานีรถไฟฝั่งประเทศมาเลเซียได้เลย โดยที่ผ่านมามีผู้ถูกหลอกลักษณะแบบนี้เป็นจำนวนมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น