ผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เพิ่งโผล่ มามุกใหม่บอกต้นตอฝุ่นพิษ PM 2.5 มาจากรถยนต์เก่า เศรษฐกิจไม่ดี เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรองช้า เล็งจับมือค่ายรถ ปั๊มน้ำมันจัดโปรฯ ราคาพิเศษ ส่วนพ่นน้ำช่วยได้แค่ความรู้สึก เล็งขอความร่วมมือเวิร์กฟรอมโฮมหากฝุ่นหนาเกิน 3 วัน
วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่แยกราชประสงค์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากการประมวลผลและคาดการณ์ คาดว่าวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) ค่าฝุ่นละอองจะสูงกว่าวันนี้ ซึ่งทำอะไรไม่ได้ ทำได้ที่ต้นตอ เพราะตอนหลังมีการเพิ่มของจำนวนรถยนต์ หลักการก็คือต้องหยุดการใช้รถยนต์ที่ปล่อยควัน ซึ่งที่ผ่านมารถยนต์แต่ละคนเป็นเจ้าของปล่อยควันเป็นล้านคัน รถยนต์ที่เป็นเป้าหมายหลักก็คือรถเก่า ยูโร 3 ที่ค่อนข้างจะปล่อยเยอะ
ยิ่งสภาพเศรษฐกิจไม่ดี คนก็จะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองใหม่ล่าช้า ซึ่งฝุ่น PM 2.5 จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งจะขอความร่วมมือให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองด้วย อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์ฝุ่นจะหนาขึ้นอีก 2 วัน คาดว่าหลังวันที่ 17 ธ.ค. สถานการณ์จะดีขึ้น แต่ถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้นติดต่อกัน 3 วัน ก็จะออกมาตรการขอความร่วมมือเวิร์กฟรอมโฮม
ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์นี้จะร่วมมือกับค่ายรถยนต์และบริษัทผลิตน้ำมัน ออกมาตรการเพื่อจูงใจให้คนที่ใช้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล และเครื่องยนต์เก่า ให้มาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองในราคาที่ถูกลง ส่วนข้อเสนอที่จะใช้รถพ่นน้ำนั้น อาจจะช่วยได้แค่ความรู้สึก แต่แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเมื่อหยุดพ่นน้ำก็จะมีปริมาณฝุ่นเข้ามาเติมแทนทันที แม้ปีนี้คนจะหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลดปริมาณควันที่ปล่อยออกมา เพราะเครื่องยนต์ดีเซลยังมีใช้ในการพาณิชย์
ในตอนหนึ่ง นายชัชชาติยังเปิดเผยอีกว่า ช่วงนี้ค่าฝุ่น PM 2.5 ค่อนข้างหนัก จึงเปลี่ยนการออกกำลังกายมาวิ่งในยิมแทน โดยแนะนำคนที่ออกกำลังกายกลางแจ้งก็ขอให้งดก่อน ส่วนใครที่ออกนอกบ้าน หากสวมหน้ากากอนามัยได้ก็ดีเพื่อป้องกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครเป็นไปด้วยความรุนแรง โดยเฉพาะวันที่ 9-11 ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีท่าทีใดๆ จากนายชัชชาติโดยตรง และเมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง นำรัฐมนตรีบางส่วนลงไปดูสถานการณ์ฝุ่นและการจราจรที่สี่แยกราชประสงค์ด้วยตัวเอง นายชัชชาติได้เดินทางตามมาแต่ไม่ทัน เพราะนายเศรษฐากลับทำเนียบรัฐบาลไปก่อนหน้านั้นแล้ว
