เพจ "หมอแล็บแพนด้า" ได้ออกมาโพสต์เผยภาพปอดของคุณหมอกฤตไท เผยให้เห็นปอดข้างขวาหายไปครึ่งหนึ่ง พร้อมวอนหน่วยงานร่วมมือกันแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก่อนจะอันตรายไปมากกว่านี้
หลังจาก นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย และได้ผยแพร่เรื่องราวชีวิตในขณะป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ผ่านเพจ สู้ดิวะ โดย นพ.กฤตไทออกมาสะท้อนปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ
ล่าสุดวันนี้ (12 ธ.ค.) เพจ "หมอแล็บแพนด้า" ได้ออกมาโพสต์เผยภาพปอดของคุณหมอกฤตไท เผยให้เห็นปอดข้างขวาหายไปครึ่งหนึ่ง ทางเพจระบุข้อความว่า "ภาพนี้เป็นภาพปอดของคุณหมอกฤตไท ที่ปอดข้างขวาหายไปครึ่งหนึ่ง
จำได้มั้ยครับ หมอเคยโพสต์เตือนเรื่องมลพิษทางอากาศ และ PM 2.5 ซึ่งตอนนั้นหมอเคยตั้งคำถามเรื่องอากาศที่เราหายใจเข้าไปว่าไม่มีจัดลำดับความสำคัญ หรือให้น้ำหนักกับการแก้ไขปัญหาที่แหล่งกำเนิดของ PM 2.5 อย่างจริงจังมากพอ ต้องมีหน่วยงานขึ้นมาเพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหานี้ คนเก่งๆ .นประเทศเรามีเยอะแยะ งบประมาณเราก็มี นักการเมืองก็มี นักวิชาการก็มี
แต่ประเทศไทยก็ยังติดอันดับปัญหาฝุ่นในระดับโลกติดต่อมาหลายปี ยังไม่เห็นความชัดเจนในการหาต้นตอของปัญหาและลงลึกถึงสาเหตุและแหล่งกำเนิดหลักของฝุ่น PM 2.5 เพื่อแก้รากเหง้าปัญหาอย่างตรงจุดและยั่งยืน หมอแกเคยว่าไว้แบบนี้
วันนี้ก็ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมเหมือนเดิมครับ พอเช้าขึ้นมาหลายคนยังโพสต์ภาพฝุ่นหนาอย่างกับหมอก เราทุกคนรู้ว่าฝุ่นพิษ PM 2.5 มันคือฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน มีผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก ซึ่งอยู่คู่กับประเทศไทยมาหลายปี และมันจะมาเป็นฤดูกาล ตั้งแต่หน้าหนาวยาวข้ามปีไปหน้าร้อน
ความร้ายกาจของ PM 2.5 คือ มันไม่ได้มาตัวเปล่า แต่ดันเอาเพื่อนอย่าง สารปรอท แคดเมียม โลหะหนักอื่นๆ และพวกสารก่อมะเร็งอีกมากมายติดมาด้วย PM 2.5 สามารถทำให้เราเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดได้จริง ซ้ำร้ายยังสามารถเหนี่ยวนำให้เป็นมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วยนะครับ
ป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีสุดนะครับ เพราะตอนนี้ปัญหาฝุ่นยังคงมีอยู่ พอถึงจุดที่เราป่วยเข้าจริงๆ เงินทองอะไรทั้งหลายก็ไม่มีค่า การได้มีชีวิต ใช้ชีวิต และไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มันคือดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ยังเป็นคำถามอยู่ว่า ถึงเวลาที่เราจะช่วยกันแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังแล้วหรือยัง"