1.ครม.เด้ง "สุริยา" พ้นอธิบดีดีเอสไอ ไปเป็นรองปลัดยุติธรรม "ทวี" ปัดไม่เกี่ยวคดีหมูเถื่อน ขณะที่เจ้าตัวยัน ไม่เสียใจ ทำเต็มที่แล้ว!
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ดังนี้
1.พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม 2. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
ทั้งนี้ จากการสอบถามนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า การโยย้าย พ.ต.ต.สุริยาครั้งนี้ ได้มีการอภิปรายเหตุผลในที่ประชุม ครม.หรือไม่ นายชัยตอบว่า ไม่มีการอภิปรายแต่อย่างใด เป็นการเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนโยบาย รวมทั้งการบริหารราชการของกระทรวงยุติธรรมเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเกิดประโยชน์แก่ทางราชการ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พ.ต.ต.สุริยา ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องการปราบปรามหมูเถื่อนที่ล่าช้าและสาวไม่ถึงตัวการใหญ่ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเคยแสดงความไม่พอใจในเรื่องนี้มาแล้ว
ต่อมาพบว่า ในเพจ DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีการโพสต์ภาพ พ.ต.ต.สุริยา พร้อมข้อความว่า “ทำใจอยู่ตลอดเวลา นับแต่มานั่งเป็นผู้บริหารสูงสุดที่นี่แล้วครับ ว่าต้องถึงวันนี้ แต่ผมเลือกทางเดินและวิถีผมเองตั้งแต่ต้น ไม่เสียใจครับ เพราะทำเต็มที่แล้ว เป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกท่านครับ 28 พ.ย.2566 ลงชื่อ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล”
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงเหตุที่ต้องมีการเสนอโยกย้ายในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรัตน์ ได้ถูกย้ายไปดำรงเลขาธิการ ศอ.บต. ทำให้ตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนว่างลง จึงจำเป็นต้องเสนอย้าย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรมไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว
และเนื่องจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม มีความสำคัญที่จะต้องขับเคลื่อนงานนโยบายของกระทรวงในภาพรวม กำกับงานของกรมในกลุ่มภารกิจ รวมทั้งประสานงานหน่วยงานต่างกระทรวง ซึ่ง พ.ต.ต.สุริยา มีประสบการณ์ผ่านงานระดับอธิบดี ที่ปรึกษาหลายหน่วยงาน เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม จึงเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เหมาะสมกับตำแหน่งรองปลัดกระทรวงที่ว่าง โดยเฉพาะการยกระดับหลักนิติธรรมของประเทศ และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า “การแต่งตั้งโยกย้ายของกระทรวงยุติธรรมในครั้งนี้ ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถของผู้รับแต่งตั้งโยกย้าย รวมถึงเอกภาพและความรู้ความสามารถในการบังคับบัญชา โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและส่วนรวมเป็นสำคัญ ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือมีอคติใดๆ รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่เป็นที่สนใจของสังคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือคดีหมูเถื่อน โดยคดีดังกล่าวจะมีการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาจนถึงที่สุด และครอบคลุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญ”
วันต่อมา (29 พ.ย.) นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวถึงกรณี ครม. มีมติโยก พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล จากอธิบดีดีเอสไอ ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม จนถูกโยงว่าเกี่ยวข้องกับการปราบปรามหมูเถื่อนในช่วงที่ผ่านมาว่า ตนไม่ทราบสาเหตุของการโยกย้าย แต่เรื่องหมูเถื่อนไม่ได้เกิดเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นปัญหามา 2 ปี ตำรวจก็จับ เราพอเข้าใจรายละเอียดปัญหานี้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี หมูของเกษตรกรจะออกมา ทำให้ราคาขยับขึ้นนิดหน่อย เชื่อว่าประชาชนจะพออยู่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าการโยกย้ายครั้งนี้ มีผลสืบเนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ นายสมคิด กล่าวว่า ตนมองว่าไม่น่าใช่ ปัญหาหมูเถื่อนมันเกิดนานแล้ว และดีเอสไอรู้หมดว่าใครเกี่ยวข้อง และตนทราบมาว่า ผู้ที่จะถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่เป็นรายเล็กทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงวันนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำลังเช็คเส้นทางการเงินอยู่ มีรายละเอียดพอสมควรและองค์ประกอบหลายเรื่อง ส่วนที่พรรคก้าวไกลออกมาไล่บี้เรื่องโยกย้ายอธิบดีดีเอสไอนั้น ก็ไม่แปลก แต่ตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรี รวมถึง รมว.ยุติธรรม สามารถชี้แจงได้
2.ศาลพิพากษาจำคุกแกน คปท. "ทนายนกเขา" 5 ปี 9 เดือน "ตั๊น จิตภัสร์" จำคุก 9 เดือน รอลงอาญา คดีชุมนุมขับไล่ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ปี 57 !
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาคดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง กปปส. ชุดเล็ก 7 คน ประกอบด้วย นายนัสเซอร์ ยีหมะ การ์ด คปท., นายอุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท., นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา แกนนำ คปท., น.ส.จิตภัสร์ หรือตั๊น กฤดากร, นายพานสุวรรณ ณ แก้ว, นายประกอบกิจ อินทร์ทอง และนายกิตติศักดิ์ ปรกติ นักวิชาการ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมเป็นกบฏ สมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
จากกรณีเมื่อช่วงวันที่ 23 พ.ย. 2556-1 พ.ค. 2557 จำเลยกับพวกซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม กปปส.ได้ร่วมกันชุมนุมต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดินและขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่ง ยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนกระด้างกระเดื่อง ซึ่งจำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
ทั้งนี้ ศาลพิจารณาพยานหลักฐานคู่ความทั้งสองที่เบิกความตรงกัน เห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยว่า การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนเเปลงการปกครองทำให้เกิดความเเตกเเยกในบ้านเมือง พฤติการณ์ไม่ใช่การทำกบฏ ให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 7 ในข้อหากบฎ ส่วนข้อหาเกี่ยวกับการชุมนุม ข้อหาอื่นๆ อาทิ ทำให้เกิดความวุ่นวายและทรัพย์สินเสียหาย ยุยงให้มีการหยุดงาน รวมถึงขัดขวางการเลือกตั้ง ศาลลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละรายแตกต่างกัน
โดยพิพากษาว่า นายนัสเซอร์ ยีหมะ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ 117 วรรคสอง, 215 วรรคหนึ่ง ฐานเข้ามีส่วนให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน เพื่อบังคับรัฐบาลและฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำการให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุด ฐานเข้ามีส่วนให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล จำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท
พิพากษาว่า น.ส.จิตภัสร์ หรือตั๊น จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 117 วรรคหนึ่ง, 215 วรรคหนึ่ง ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล และฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ สิบคนขึ้นไป กระทำการให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุด ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล จำคุก 9 เดือน และปรับ 40,000 บาท ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 4 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน
พิพากษาว่า นายอุทัย ยอดมณี, นายนิติธร ล้ำเหลือจำเลยที่ 2-3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116(2), 117 วรรคหนึ่ง, 215 วรรคหนึ่ง 216, 358, 362 ประกอบ 365(2) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 36, 152 การกระทำของจำเลยที่ 6 และจำเลยที่ 3 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตาม ป.อ.91 กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่ จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร จำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 100,000 บาท
ฐานขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้ง จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ จำคุกคนละ 1 ปี ปรับ 20,000 บาท ฐานร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลและฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษที่มีบทหนักที่สุด ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล จำคุกคนละ 9 เดือนปรับคนละ 40,000 บาท รวม 5 กระทง จำคุกคนละ 5 ปี 9 เดือน ปรับคนละ 200,000 บาท
พิพากษาว่า นายพานสุวรรณ ณ แก้ว, นายประกอบกิจ อินทร์ทอง จำเลยที่ 5 และจำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2), 117 วรรคหนึ่ง, 215 วรรคหนึ่ง, 216, 358 ,362 ประกอบ 365(2) การกระทำของจำเลยที่ 5 และที่ 6 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาเพื่อก่อให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรจำคุก 2 ปี ปรับ 100,000 บาท ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์สินจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลและฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุด ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล จำคุกคนละ 9 เดือน ปรับ 40,000 บาท รวมจำคุกคนละ 4 ปี 9 เดือน ปรับคนละ 180,000 บาท
อย่างไรก็ตาม จำเลยทั้งหมดกระทำความผิดสืบเนื่องจากมีข้อมูลถึงการกระทำที่ไม่ชอบของนักการเมือง จำเลยทั้งหมดจึงมีเจตนารมณ์และเป็นการแสดงออกเพื่อต่อสู้ให้เกิดความชอบธรรมตามหลักนิติรัฐนิติธรรมเป็นสำคัญ มิใช่เป็นการกระทำเพื่อตนเอง จำเลยทั้งหมดมอบตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วยความกล้าหาญ ไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนี เห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้ มีกำหนด 2 ปี สำหรับจำเลยที่ 1 ข้อหาและคำขออื่นให้ยก
ยกฟ้องนายกิตติศักดิ์ ปรกติ จำเลยที่ 7 เนื่องจากเป็นการขึ้นปราศรัยโดยให้ความเห็นทางรัฐธรรมนูญในการเรียกสิทธิ
หลังฟังคำพิพากษา นายนัสเซอร์ ยีหมะ จำเลยที่ 1 เผยว่า ศาลอ่านคำพิพากษาว่าจะไม่รอลงอาญาตน เพราะเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จากนั้น ตนและทนายได้เข้าไปปรึกษาข้อกฎหมายกับทางศาลว่า คดีอื่นที่ตนเคยโดนโทษจำคุก 6 เดือนมาก่อน แต่ว่าเวลาผ่านไปนานกว่า 5 ปีแล้ว ตามกฎหมายในส่วนของตนจึงสามารถรอลงอาญาได้ แต่ต้องเสียค่าปรับ 20,000 บาทแทน เเละยื่นร้องต่อศาล ซึ่งต่อมา ศาลได้ตรวจสอบเท็จจริงเเล้ว พบข้อผิดหลง จึงเเก้ไขคำพิพากษาเป็นว่า ให้รอลงอาญา
ด้านตั๊น จิตภัสร์ ได้โพสต์ข้อความลงอินสตาแกรมส่วนตัวในเวลาต่อมาว่า “…ที่กระทำความผิด สืบเนื่องจากมีข้อมูลถึงการกระทำที่ไม่ชอบของนักการเมือง จึงมีเจตนารมณ์และเป็นการแสดงออกเพื่อต่อสู้ให้เกิดความชอบธรรม ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรมเป็นสำคัญ มิใช่เป็นการกระทำเพื่อตนเอง อีกทั้งได้เข้ามอบตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วยความกล้าหาญ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี… “ตั๊นขอเคารพคำพิพากษาของศาลในวันนี้ และขอกราบขอบพระคุณทุกกำลังใจที่มอบให้ตั๊นมาโดยตลอดเกือบ 10 ปีค่ะ"
3.2 สส.ถูกขับจากก้าวไกล ปมคุกคามทางเพศ ได้พรรคสังกัดแล้ว "ปูอัด" เข้าไทยก้าวหน้า "วุฒิพงศ์" เข้าชาติพัฒนากล้า ด้าน "กรณ์" ลาออกจากสมาชิกทันที!
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. เว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีการแก้ไขประวัติของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ ปูอัด ส.ส.เขตจอมทอง กทม. ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล จากปมคุกคามทางเพศ ส่งผลให้ต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วัน หรือภายในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ โดยล่าสุด เว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า นายไชยามพวานสังกัด “พรรคไทยก้าวหน้า“ แล้ว
สำหรับพรรคไทยก้าวหน้า ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2565 มี ร.ต.ดร.วัชรพล บุษมงคล เป็นหัวหน้าพรรค นายภูชิสส์ ศรีเจริญ เป็นเลขาธิการพรรค จากข้อมูลในเว็บไซต์ของ กกต.พรรคไทยก้าวหน้ามีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เลขที่ 57 ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี มีสมาชิกทั้งหมด 5,022 คน มีสาขาทั้งหมด 5 สาขา
วันต่อมา (29พ.ย.) เว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีการแก้ไขประวัติของนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เขต2 ที่โดนขับออกจากพรรคก้าวไกล ในกรณีเดียวกันกับนายไชยามพวาน โดยระบุว่า นายวุฒิพงศ์สังกัด “พรรคชาติพัฒนากล้า” เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ การเข้าสังกัดของนายวุฒิพงศ์ ส่งผลให้พรรคชาติพัฒนากล้า ภายใต้การนำของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ซึ่งมีนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษานายกฯ เป็นหัวหน้าพรรค และนายประสาท ตันประเสริฐ สส.นครสวรรค์ เลขาธิการพรรค มี สส.เพิ่มขึ้น เป็น 3 คน ได้แก่ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล สส.บัญชีรายชื่อ, นายประสาท สส.นครสวรรค์ และนายวุฒิพงศ์ สส.ปราจีนบุรี
วันเดียวกัน หลังจากมีข่าวว่า นายวุฒิพงศ์ เข้าสังกัดพรรคชาติพัฒนากล้าเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมเผยแพร่ภาพหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้า โดยทำหนังสือถึงกรรมการบริหารและนายทะเบียนพรรค ระบุข้อความว่า “ด้วยกระผม นายกรณ์ จาติกวณิช ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้าตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการต่อไป โดยก่อนหน้านี้ นายกรณ์ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566”
4. "มาดามเดียร์" ประกาศลงชิงหัวหน้า ปชป.คนใหม่ ยัน ถ้าแพ้ ไม่ทิ้งพรรค ด้าน "นราพัฒน์" ชี้ เป็นเรื่องดีมีคู่แข่ง เผย ถ้าตนชนะ พร้อมดึงมาดามเดียร์ร่วมงาน!
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงแนวทางการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในการประชุมใหญ่วิสามัญ ซึ่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ในวันที่ 9 ธ.ค.ว่า แม้ว่าขณะนี้จะมีความเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรคที่ได้เปิดตัวกับพี่น้องสื่อมวลชนไปบ้างแล้ว และอาจจะมีสมาชิกพรรคท่านอื่นที่ยังไม่เปิดตัวต่อสาธารณะ เรียกได้ว่าเป็นผู้แสดงเจตจำนงในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังไม่เรียกว่าเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการตามข้อบังคับพรรคก่อน
"ผมมีความมั่นใจว่าในวันที่ 9 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ พรรคจะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ และเชื่อมั่นว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะนำพาพรรคก้าวเดินต่อไปในอนาคต และก็เชื่อมั่นด้วยความเป็นสถาบันทางการเมือง บุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องยึดหลักการของพรรคมุ่งมั่นฟื้นฟูพัฒนาพรรคให้เข้ากับสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญที่สุดก็จะมาเป็นผู้นำในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนและประเทศ เป็นผู้นำพาพรรคให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาพรรคให้มีความยั่งยืนในอนาคตต่อไป"
นายราเมศ กล่าวอีกว่า เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้หัวหน้าพรรคแล้ว ก็ยังทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศ พร้อมกับจัดการบริหารพรรคควบคู่กันไป ตั้งแต่เรื่องการปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาพรรคในเรื่องต่างๆ โดยเชื่อว่า คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะนำพาพรรคไปเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในวันข้างหน้าได้
เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย. น.ส.วทันยา บุนนาค หรือ "มาดามเดียร์" ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรค ก่อนแถลงข่าวลงสมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 ซึ่งจะมีการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันที่ 9 ธ.ค.
โดย น.ส.วทันยา กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจลงสมัครเพื่อแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อมั่นว่า ประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตย เรามีเสรีภาพ และที่สำคัญที่สุดไม่มีเจ้าของอย่างแท้จริง “วันนี้มีความตั้งใจที่จะส่งออกไปยังประชาชน สมาชิกพรรค และประชาชนที่รักในพรรคประชาธิปัตย์ ทุกคนเพื่อเป็นการเริ่มต้นในการการเมืองแบบใหม่ที่ซื่อตรงกับประชาชน ตรงไปตรงมาและจริงใจกับประชาชน วันนี้จึงอยากขอโอกาสในการฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ และฟื้นฟูอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นที่พึ่งและความหวังของประชาชน เพื่อที่จะยืนยันในพลังประชาธิปไตยของพรรค”
เมื่อถามว่า มั่นใจในเสียงที่จะได้มากน้อยแค่ไหน น.ส.วทันยา กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคทุกคนจะเปิดโอกาสพิจารณาให้กับบุคลากรที่เห็นว่ามีความเหมาะสม ฉะนั้นในการลงสมัคร ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ก็พร้อมที่จะน้อมรับการตัดสินของสมาชิกพรรคทุกคน
เมื่อถามว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมที่จะทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อใช่หรือไม่ น.ส.วทันยากล่าวว่า กล่าวว่า "ใช่ค่ะ"
เมื่อถามว่า หากเป็นหัวหน้าพรรค จะมีโอกาสไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า จุดมุ่งหวังขณะนี้คือการเป็นฝ่ายค้าน จึงขอประกาศที่จะเป็นฝ่ายค้าน เราไม่ได้มุ่งหวังในการแสวงหาผลประโยชน์ รวมถึงอำนาจในการที่จะไปจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนกระแสข่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะกลับมามีบทบาทในพรรค น.ส.วทันยา กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นจิตวิญญาณของคนในพรรค เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถครบถ้วนแน่นอน หากได้กลับมามีบทบาทในพรรคก็จะถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ในการช่วยฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปในอนาคต
ด้านนายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งเสนอตัวลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.วทันยา เปิดตัวชิงตำแหน่งว่า ส่วนตัวยืนยันลงชิงหัวหน้าพรรคเช่นเดิม และเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนมาลงชิงหัวหน้าพรรค เพราะพรรคยืนยันว่า เป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ และเปิดโอกาสให้กับทุกคนอยู่แล้ว
ดังนั้นการที่ น.ส.วทันยา ลงชิงหัวหน้า จะทำให้ภาพดีขึ้น เพราะเท่ากับว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการการเปลี่ยนแปลง และมีคนรุ่นใหม่ๆ สนใจเข้ามาร่วมบริหารและปรับปรุงพรรค และผสมผสานกับคนรุ่นเดิมๆ ได้ จึงถือเป็นภาพที่ดีและเป็นจุดแข็งของพรรค ที่จะสามารถอธิบายกับพี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรคได้ว่าพรรคจะกลับมาสร้างมนต์ขลังอีกครั้งหนึ่ง
นายนราพัฒน์ กล่าวด้วยว่า หากตนชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค น.ส.วทันยาก็เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในแผนที่ตนจะดึงมาร่วมงาน ซึ่งถือเป็นงานที่ น.ส.วทันยาถนัดอยู่แล้ว และหาก น.ส.วทันยาชนะ ก็ขึ้นอยู่กับ น.ส.วทันยา ว่าจะใช้บริการตนหรือไม่ หรือจะมีทีมอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะถือเป็นสิทธิ์และอำนาจของคนที่ได้รับฉันทามติจากสมาชิก
5. ศาลพิพากษาจำคุก "เพชร กรุณพล" รองโฆษกพรรคก้าวไกล 6 เดือน ฐานหมิ่น "ต้อม ยุทธเลิศ" พร้อมจ่ายค่าเสียหาย 2 แสน!
จากกรณีที่นายยุทธเลิศ สิปปภาค หรือต้อม ยุทธเลิศ ได้ฟ้องหมิ่นประมาทนายกรุณพล เทียนสุวรรณ หรือเพชร กรุณพล อดีตนักแสดง ปัจจุบันเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท หลังนายกรุณพลโพสต์ข้อความกล่าวหานายยุทธเลิศ เรื่องเงินบริจาคสร้างภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2564 หลังมีกรณีทะเลาะวิวาทกับ น.ส.รักชนก ศรีนอก หรือไอซ์ รักชนก บนเรือ Prusk Criuse เทียบท่าที่โครงการเดอะ แจม แฟคตอรี่ (The Jam Factory) ย่านคลองสาน กทม. เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2564 กระทั่งนายยุทธเลิศฟ้องหมิ่นประมาทนายกรุณพลเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2564 พร้อมเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 5 ล้านบาท พร้อมกับ น.ส.รักชนก 10 ล้านบาท และนายปกรณ์ พรชีวางกูร หรือบุ๊ง 5 ล้านบาท
หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้นัดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเพื่อไกล่เกลี่ย โดยนายกรุณพลส่งทนายความมาแทน ซึ่งจากคำบอกเล่าของต้อม-ยุทธเลิศ ระบุว่า ทนายความของเพชร กรุณพล ต่อรองเป็นครั้งสุดท้ายว่าจะให้จบแบบคดี น.ส.รักชนก ได้หรือไม่ ตนจึงกล่าวว่าคดีของ น.ส.รักชนกยังไม่จบแค่นั้น และยังยืนยันคำเดิมว่า คดีของเพชร กรุณพล ตนไม่ต้องการคำขอโทษ แต่ต้องการเงินค่าทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง 5 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อตกลงกันไม่ได้ กลับเข้าไปในศาล
แต่สุดท้ายจำเลยขอเปลี่ยนคำให้การเป็นยอมรับสารภาพผิด และทำการวางเงินบรรเทาผลร้ายให้นายยุทธเลิศ เป็นจำนวนเงิน 5 หมื่นก่อนเบื้องต้น เพื่อประกันการมาฟังคำตัดสินของศาลในวันที่ 1 ธ.ค.
ปรากฏว่า เมื่อถึงกำหนดฟังคำตัดสิน 1 ธ.ค. อินสตาแกรม baddirector.nmg ของ ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้โพสต์ภาพของเพชร-กรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมข้อความระบุว่า “ซัดเดือด! เดือดที่สุด!!! ศาลสั่งจำคุกเพชร 6 เดือน! ข้อหาหมิ่นยุทธเลิศ” พร้อมเขียนแคปชันว่า “ศาลพิพากษาวันนี้ครับ ถือเป็นข่าวดีของผม แน่นอนนี่คือข่าวร้ายของพวก ส.ส.ปากดีทั้งหลาย พวก...งจำใส่กะลาหัวไว้ ประเทศไทยไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยการด่าครับอิโดก! ส่วนค่าเสียหายที่ได้ติดปลายนวมมา ผมจะพา FC ไปเลี้ยงที่ร้านเยี่ยมใต้ของคุณเต้น (ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย) เขาครับ”
ขณะที่เฟซบุ๊กของเพชร-กรุณพล Karoonpon Tieansuwan ได้พสต์ภาพระบุว่า "วันนี้ไปขึ้นศาลคดีที่ถูกยุทธเลิศฟ้องหมิ่น ศาลถามว่าได้พิมพ์ว่าเขาจริงไหม เราก็รับสารภาพว่าทำจริง ศาลจึงพิพากษาว่า แม้ต้อมจะทำร้ายไอซ์จริง และมีคำพิพากษาให้ต้อมถูกปรับไปแล้ว เราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ถ้อยคำดังที่พิมพ์ต่อว่าต้อมได้ เพราะไม่เกี่ยวกับเรา จึงพิพากษาให้จำคุก 6 เดือน รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 20,000 บาท และให้โพสต์ใน IG และ FB 7 วัน ส่วนที่เรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน ศาลให้แค่ 2 แสนนะ คราวก่อนวางประกันที่ศาลไว้ 50,000 ตอนแรกบอกเราว่าไม่เอา แต่สุดท้ายก็รับไป ยังเหลืออีกแสนห้า ทางนี้ก็อุทธรณ์ ถ้าสุดท้ายศาลยืนยัน ยอดนี้ก็ไม่มีปัญหา กล้าทำเราก็กล้ารับ"
นอกจากนี้ เพชร-กรุณพลยังได้เผยผ่าน X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า “มีประชาชนสอบถามมาว่า เคยโอนเงินให้บุคคลหนึ่งที่ประกาศจะนำเงินนี้ไปสร้างภาพยนตร์ จนตอนนี้ยังไม่เริ่มทำ เมื่อทวงถามก็ถูกบล็อก สามารถดำเนินการทางกฎหมายอะไรได้บ้าง หากมีหลักฐานการโอนเงินสามารถดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงได้เลยหรือหากรวมกันได้เกิน 10 คน ก็สามารถแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชนได้เช่นกัน ขอแนบข้อกฎหมายไว้เพื่อใช้ศึกษาในลิ้งค์นะครับ”
ด้านต้อม ยุทธเลิศ ไม่พอใจ จึงออกมาโพสต์ว่า มึงมันเหี้..ไอ้ PET มึงเป็น 1 ใน 22 สส.ที่ยกมือให้คนทุกคามทางเพศไม่พอ มึงยังเสื-กจะมาคุกคามประชาชนอย่างกูอีก ค..ย ครับ , PET ไม่ได้แปลว่าสัตว์เลี้ยงนะครับ แปลว่าสัตว์มนุษย์ #กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิมจริงๆ #เปิดวอร์