เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566 นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง พร้อมด้วย ดร.นิภา โสภาสัมฤทธิ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการปรับปรุงระบบไฟฟ้าและบริหารจัดการพลังงาน ระหว่างการไฟฟ้านครหลวง กับสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โดยมีคณะผู้บริหารจากทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ ห้องประชุม อาคารคณะศิลปวิจิตร ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
ผู้ว่าการ MEA เปิดเผยว่า MEA การไฟฟ้านครหลวงในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ มีความมุ่งมั่นในการส่งมอบพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยในการใช้พลังงานสะอาด ลดค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าในสถานที่ราชการ โดยส่งเสริมการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Cell และ Solar Rooftop นั้น การไฟฟ้านครหลวงได้ร่วมมือกับสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ในการปรับปรุงระบบไฟฟ้าและบริหารจัดการพลังงานภายในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์เพื่อให้สอดคล้องกับการมุ่งสู่การเป็นสถาบันสีเขียว (Sustainable Green Institute) โดยยึดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ด้วยการอนุรักษ์พลังงาน (Energy conservation) และบริหารจัดการพลังงาน (Energy management) ใช้พลังงานสะอาด (Clean energy) และพลังงานทดแทน (Renewable energy), สนับสนุนให้ใช้รถพลังงานไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การกักเก็บพลังงาน การจ่ายพลังงานและการบริหารจัดการการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสู่การเป็น Smart Micro Grid เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานในอนาคต
การไฟฟ้านครหลวงได้ส่งเสริม สนับสนุนการปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าให้ดียิ่งขึ้น สอดรับกับแผนแม่บทของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์เพื่อเป็น Landmarks Art แห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร รวมถึงการสนับสนุนสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ติดตั้ง Solar Rooftop และระบบบริหารจัดการพลังงานให้แก่สถาบันและหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นการช่วยให้สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ประหยัดค่าไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ มุ่งสู่การเป็นสถาบันสีเขียว (Sustainable Green Institute) และตอบสนองนโยบายของรัฐบาลได้อีกด้วย
ในปีนี้ การไฟฟ้านครหลวงได้ให้บริการติดตั้งระบบพลังงานทดแทนและบริหารจัดการพลังงานให้แก่หน่วยงานภาครัฐตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี รวม 11 แห่ง มีกำลังผลิตติดตั้งรวม 17 MWp ลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลประมาณ 21,270,000.00 kWh/ปี คิดเป็นการลดคาร์บอนไดออกไซด์ลง 11,900 tonCo2/ปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นสัก 680,000 ต้น
อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์กล่าวว่า สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ในฐานะสถาบันการศึกษาสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม มีภารกิจในการจัดการศึกษาและส่งเสริมวิชาการตั้งแต่ระดับพื้นฐานวิชาชีพถึงวิชาชีพชั้นสูงจนถึงระดับปริญญาเอกด้านนาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์ คีตศิลป์ ช่างศิลป์และทัศนศิลป์ ทั้งไทยและสากล รวมทั้งศิลปวัฒนธรรมระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ทำการสอน ทำการแสดง ทำการวิจัย และให้บริการทางวิชาการ ตลอดจนส่งเสริม สืบสาน สร้างสรรค์ ทะนุบำรุงและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ และศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลายของชุมชนในท้องถิ่น ในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาครัฐวิสาหกิจในครั้งนี้มีสาระสำคัญ คือ
1) เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และให้ความร่วมมือระหว่างการไฟฟ้านครหลวง กับสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) โดยรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อต่อสู้ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบที่เกิดขึ้น
2) สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พัฒนาไปสู่การบริหารจัดการพลังงานอย่างครบวงจร
สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์มีหน้าที่สร้างความร่วมมือในการสนับสนุนการให้บริการของอาคารพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย (MEA SPARK) ให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้สำหรับทุกคน ทั้งด้านประวัติศาสตร์การไฟฟ้า เทคโนโลยีไฟฟ้า และสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยให้แก่ประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่งเสริมการออกแบบ ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ การออกแบบตกแต่งอุปกรณ์ภายในพื้นที่ระบบจำหน่ายไฟฟ้าด้วยงานจิตรกรรม และศิลปะไทยให้แก่การไฟฟ้านครหลวง เพื่อส่งเสริมด้านภาพลักษณ์และการบริการ