เวลาที่พูดถึง ‘ลิ่มเลือดอุดตัน’ คนทั่วไปมักจะนึกถึงโรคหลอดเลือดสมอง หรือหลอดเลือดหัวใจ ที่จะเกิดกับหลอดเลือดแดงเป็นหลัก เช่น ตีบ แตก ตัน แต่น้อยคนนักที่จะรู้จัก ‘ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ’ หรือ Venous Thromboembolism (VTE) ซึ่งมักเกิดขึ้นที่ขา หรือที่ปอด ทำให้เกิดทุพพลภาพในระยะยาวและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ทั้งนี้โรคนี้สามารถป้องกันได้
เนื่องในวันหลอดเลือดอุดตันโลก หรือ World Thrombosis Day ซึ่งตรงกับวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี โดยในปี 2566 นี้สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทยจึงได้ร่วมกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ, สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง และซาโนฟี่ ประเทศไทย ร่วมจัดงานเสวนา ‘ลิ่มเลือดอุดตัน ภัยเงียบที่ป้องกันได้’ เพื่อสร้างความเข้าใจถึงภาวะลิ่มเลือดอุดตันอย่างถูกต้อง โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลและสถาบันชั้นนำกว่า 10 ท่าน มาให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ที่ได้รับการผ่าตัด และกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ เพื่อเป็นแนวทางการดูแลรักษาและป้องกัน ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ดร.พญ.เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร และรศ.ดร.นพ.หม่อมหลวง กรเกียรติ์ สนิทวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในฐานะตัวแทนของ รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เข้าร่วมงาน ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “มิติสุขภาพเป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ โดยการมี ‘สุขภาพที่ดี’ เป็นสิ่งที่คุ้มค่าในการลงทุน กรุงเทพมหานครตระหนักดีว่าการป้องกันโรคดีกว่าเกิดโรคแล้วค่อยไปรักษา และต้องการเห็นประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคที่ถูกหลักโภชนาการ ใช้ชีวิตอย่างสมดุลเพื่อป้องกัน บรรเทา และหลีกเลี่ยงโรคเรื้อรังต่างๆ โดย ‘เมือง’ มีบทบาทสำคัญในการช่วยลดการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยเราได้มุ่งเน้น 3 ด้าน คือ 1. เมืองต้องเอื้อให้คนเดินออกกำลังกายได้สะดวก มีสวนสาธารณะที่มีคุณภาพและอยู่ใกล้บ้านในระยะเวลา 15 นาที สามารถเดินมาจากบ้านได้ ซึ่งเราได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 100 แห่ง 2. การแพทย์ เรามีศูนย์ด้านสาธารณสุขที่กระจายเป็นเส้นเลือดฝอยกว่า 20 แห่ง มีการดูแลผู้ป่วยติดเตียงนับหมื่นรายที่อยู่ในชุมชน เป็นกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงเตียงโรงพยาบาลได้ เรามีการจัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปดูแลผู้ป่วยติดเตียงโดยร่วมมือกับโรงเรียนแพทย์ และ 3 คือการรณรงค์ให้ความรู้ในโรงเรียน ชุมชน และในระดับสาธารณสุข มีการจัดอบรมการดูแลผู้ป่วยสูงอายุ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยทั้ง 3 ส่วนนี้ก็จะช่วยลดภาระของโรงพยาบาล ซึ่ง กทม.ต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่ร่วมรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนในวันนี้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน”
ศ.นพ.พลภัทร โรจน์นครินทร์ นายกสมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันจากปัจจัยแวดล้อมและวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป ภาวะลิ่มเลือดอุดตันมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากข้อมูลต่างประเทศ โรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำจะถูกวินิจฉัยเป็นลำดับ 3 รองจากโรคหลอดเลือดแดงหัวใจและโรคหลอดเลือดแดงสมอง* โดยร้อยละ 60 ของโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำเกิดขึ้นระหว่างการนอนอยู่ในโรงพยาบาลหรือหลังออกจากโรงพยาบาลใหม่ๆ และทั่วโลกมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้ที่เชื่อมโยงกับการนอนโรงพยาบาล 10 ล้านคนต่อปี** สำหรับในประเทศไทยข้อมูลจากสำนักสถิติแห่งชาติในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีการรายงานตัวเลขการวินิจฉัยภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism หรือ PE) เพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า ทั้งนี้ สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทยพร้อมผลักดันและให้ความรู้แก่ประชาชนได้ตระหนัก แต่ไม่ตระหนก ตื่นรู้ แต่ไม่ตื่นกลัว เพื่อป้องกันการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และลดการสูญเสียที่ไม่จำเป็นในอนาคต”
ทั้งนี้ กว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ จะไม่แสดงอาการใดๆ หรือมีอาการที่ไม่ชัดเจน บางรายที่มีภาวะอุดตันที่ขา (Deep Vein Thrombosis หรือ DVT) อาจมีอาการปวดขา ขาบวม ผิวหนังที่ขาเปลี่ยนสีไปจากเดิม ส่วนรายที่เกิดขึ้นในปอด (PE) อาจมีอาการใจสั่น เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว หน้ามืด หมดสติ ไอเป็นเลือด เป็นต้น ฉะนั้นการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคมในวงกว้าง จึงช่วยให้ประชาชนเกิดการรับรู้อย่างเข้าใจและปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง หรือหากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็สามารถให้ข้อมูลและขอคำแนะนำจากแพทย์เพื่อหาแนวทางป้องกันหรือรักษาได้อย่างทันท่วงที
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำนั้น ศ.นพ.พันธุ์เทพ อังชัยสุขศิริ สาขาวิชาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ อาจเกิดขึ้นจากการที่เลือดจับตัวแข็งและสะสมในหลอดเลือดดำ (Venous System) ซึ่งส่วนใหญ่เกิดได้จากการอักเสบในเส้นเลือดดำ โดยกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีโอกาสเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ ได้แก่ ผู้ป่วยมะเร็ง จากข้อมูลผู้ป่วยในทวีปเอเซียรวมถึงประเทศไทย ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดดำอุดตันมีราวๆ ร้อยละ 20 ที่มีโรคมะเร็งอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมด้วย ผู้ที่ต้องผ่าตัดหรือผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุ และต้องนอนโรงพยาบาลมีการเคลื่อนไหวทางร่างกายน้อย เป็นเวลานานๆ ก็เป็นกลุ่มเสี่ยง และอีกกลุ่มที่มักถูกมองข้ามคือ หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการเกิด VTE มากกว่าคนปกติ ถึง 4 เท่า และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของมารดาถึงร้อยละ 10 นอกจากนี้ การเกิด VTE ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกิน ผู้ที่มีประวัติ VTE ในครอบครัว การใช้ยาคุมกำเนิด สูบบุหรี่จัด เป็นต้น
รศ.พญ. ปิยนุช พูตระกูล ภาควิชาศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้แชร์ข้อมูลและสถิติที่น่าสนใจว่า ความเสี่ยงของการเกิด VTE ในผู้ป่วยหลังการผ่าตัดจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางหัตถการและปัจจัยจากตัวผู้ป่วยเองด้วย โดยหัตถการที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิด VTE คือ การเปลี่ยนข้อสะโพกและข้อเข่า และการผ่าตัดระบบประสาท นอกจากนี้ ระยะเวลาของการผ่าตัด ระดับความรุนแรงของเนื้อเยื่อที่ได้รับบาดเจ็บและระยะเวลาที่ไม่ได้ลุกเดินหลังผ่าตัด ก็ส่งผลต่อการเกิดภาวะ VTE ด้วยเช่นกัน
ทุกวันนี้ วงการแพทย์สามารถป้องกันการเกิด VTE ในผู้ป่วยผ่าตัดได้หลายวิธี เช่น การให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ปัจจุบันการป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตันด้วยยาในโรงพยาบาลทำได้ด้วยการใช้ยาฉีดและยารับประทานเพื่อป้องกันการแข็งตัวของ การพยายามให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหว การใส่เครื่องกระตุ้นบีบนวดกล้ามเนื้อบริเวณขา ใส่ถุงน่องทางการแพทย์ หรือลุกเดินอย่างเหมาะสม รวมถึงการให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับการป้องกัน โดยโรงพยาบาลรามาธิบดีได้นำร่องการทำแบบประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด โดยระบุว่าผู้ป่วยคนไหนที่มีความเสี่ยงในการเกิด VTE และให้การป้องกันอย่างเหมาะสมเพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะ VTE มากที่สุด ยาฉีดคาดว่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีความเหมาะสมกับสภาพผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือฉีดต่อเนื่องที่บ้านมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยกับผู้ป่วยทุกกลุ่ม ทั้งผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยผ่าตัด และหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งชนิดของยาฉีดบางตัวบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว ครอบคลุมสิทธิการเบิกจ่ายทุกสิทธิทั้งบัตรประกันสุขภาพ ประกันสังคม และข้าราชการ
รศ.พญ.ปิยนุช พูตระกูล ได้กล่าวเสริมว่า จากข้อมูลของโรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่าหลังจากที่ออกมาตรการกระบวนการการป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำหลังผู้ป่วยแผนกศัลยกรรม พบว่า อัตราการเกิด VTE ลดลงอย่างน่าพอใจและสามารถป้องกันการเสียชีวิตจากภาวะหลอดเลือดดำอุดตันได้ โดยมาตรการในการป้องกันดังกล่าวทำให้เห็นว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์มากคือเสียค่าใช้จ่ายน้อยแต่เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นสิ่งที่ทีมบุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติได้
เมื่อเทียบกับมูลค่าความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากปล่อยให้โรคเกิดขึ้นโดยไม่ได้ป้องกัน การป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ นับเป็นสิ่งที่ภาคการบริหารจัดการของโรงพยาบาล หน่วยงานต่างๆ ควรยกระดับการดูแลเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK549877/ และ https://www.worldthrombosisday.org/