ส่องเส้นทางการทำงานของ "รังษิมา ทองพันชั่ง" ปลื้มล่าสุดเจ้าตัวได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา
"รังษิมา" มีประสบการณ์ทำงานหลังจากจบปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาการเมืองการปกครอง เคยทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทต่างชาติในแวดวงขุดเจาะน้ำมันมาหลายสิบปีที่บริหารบริษัทสาขาประเทศไทยให้ดังเปรี้ยงปร้างมาแล้วในสมัยนั้น
ต่อจากนั้นด้วยความที่ "รังษิมา" อยากใช้ความรู้ที่เรียนมา เธอจึงเปลี่ยนสายงานพลิกผันเส้นทางชีวิตเข้าสู่การเมืองเมื่อปี 2559 อย่างเป็นทางการโดยการชักชวนของผู้ใหญ่ที่เคารพรักให้เข้ามาร่วมทำงานด้วยกัน จนกระทั่งได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนๆ สมาชิกพรรคพลังชาติไทย เลือกให้เป็นกรรมการบริหารพรรค โดยรับผิดชอบเป็นนายทะเบียนพรรคอยู่หลายปี
ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในสมัยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจจะทำให้หลายๆ คนที่รัฐสภาคุ้นหน้าคุ้นตา เนื่องจากภารกิจที่ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาประจำกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรหลายกรรมาธิการ และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกรัฐสภาอีกด้วยจึงทำให้เห็นเธอเดินเข้าออกประชุมที่รัฐสภาอย่างต่อเนื่อง และได้โลดแล่นอยู่ในเส้นทางการเมืองอย่างยาวนาน
และเมื่อหมดวาระของรัฐบาลบิักตู่ คุณรังษิมา ทองพันชั่ง ได้รับการชักชวนจากผู้ใหญ่ของพรรคไทยสร้างไทย และมีโอกาสได้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ช่วงนั้นได้เริ่มต้นการเมืองแบบเชิงรุกและทำงานหนักอีกครั้ง จนจบการเลือกตั้ง แต่พลาดโอกาสจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ และปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย
คุณรังษิมาได้จัดสรรเวลามาเรียนจนจบหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 25 (ปปร.25) สถาบันพระปกเกล้าอีกด้วย ซึ่งเป็นหลักสูตรใหญ่สุดของสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งกำลังรอรับพระราชทานประกาศนียบัตรช่วงสิ้นปีนี้อีกด้วย
กว่าจะถึงวันนี้ คุณรังษิมาเล่าให้ฟังว่าการเดินทางของชีวิตไม่ได้สวยหรู แต่มีปัญหาและอุปสรรคเข้ามาในทุกช่วงของชีวิต แต่เนื่องจากตนเองเป็นคนที่มีทัศนคติดีและมีวิธีคิดที่เป็นระบบ จึงทำให้ก้าวข้ามผ่านปัญหาและอุปสรรคมาได้ และมีบุคคลรอบข้างที่ให้กำลังใจตลอดมา ประกอบกับที่ตนได้อุทิศตนเองเป็นอาจารย์ประจำสถาบันพลังจิตตานุภาพโดยมูลนิธิหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ซึ่งคุณรังษิมาบรรยาย สมาธิหลักสูตรทั้งภาคภาษาไทยและภาคภาษาต่างประเทศ ซึ่งบรรยายทั้งในระดับมหาวิทยาลัย ระดับโรงเรียน และบุคคลทั่วไปที่สนใจเป็นระยะเวลา 10 ปี จึงทำให้ตนเองมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในการดำรงชีวิต นอกจากนี้ ยังมีจิตสาธารณะชอบช่วยเหลือผู้อื่น จัดสรรจัดเวลาทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์อีกด้วย
นอกจากนี้ "รังษิมา" ในฐานะกรรมการบริหารสมาคมแห่งสถาบันพระปกเกล้า ได้ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เพื่อสนับสนุนสถาบันพระปกเกล้า และโครงการหลักๆคือได้สนับสนุนโครงการสร้างซ่อมแซมบ้านประชาชนสร้างกุศลถวายพ่อของแผ่นดิน เป็นการสร้างบ้านให้แก่ผู้ยากไร้ในแถบถิ่นทุรกันดาร ปัจจุบันสร้างเป็นหลังที่ 184 และจะทำไปจนครบ 200 หลัง และจะทำต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความรู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้คนจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติสืบไป