อดีตเจ้าหน้าที่ รปภ.ม.รามคำแหง เผยกว่าจะสอบติดอัยการครั้งแรกใช้เวลายาวนาน และอดทนสูง ต้องวางเป้าหมายและรู้จักวางแผนชีวิต เผยเคล็ดอ่านหนังสือ อ่านคร่าวๆ รอบแรก ไฮไลต์รอบ 2-3 แล้วสรุปตามความเข้าใจ แต่ให้อ่านหนังสืออื่นเพิ่มเติมที่แตกต่างจากหนังสือเรียน
วันนี้ (25 ก.ย.) จากกรณีที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายอุดม สุขทอง ผู้อำนวยการส่วนรักษาการณ์ ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และอาจารย์พิเศษที่มีชื่อเสียงในแวดวงสอบราชการ โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับนายผดุงเกียรติ พรหมแก้ว อดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง สังกัดองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) สอบติดอัยการผู้ช่วย (รุ่น 64) สนามใหญ่ ลำดับ 47 และชี้ให้เห็นว่าความพยายามไม่เคยทรยศใคร ไม่เพียงศรัทธาในตัวเขา จงศรัทธาและปลุกพลังในตัวเอง ปรากฏว่ามีชาวเน็ตให้ความสนใจแสดงความยินดีจำนวนมาก
อ่านประกอบ : แห่ชื่นชม! อดีต รปภ.รามคำแหงมีความพากเพียร จนสามารถสอบติดอัยการ
ล่าสุด เฟซบุ๊ก PR Ramkhamhaeng University ของงานประชาสัมพันธ์ กองกลาง สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ นายผดุงเกียรติ พรหมแก้ว อายุ 29 ปี อดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการอัยการ ตำแหน่งอัยการผู้ช่วย พ.ศ. 2565 (สนามใหญ่) ได้ลำดับที่ 47 กลุ่มที่ 1 สอบผ่านตั้งแต่ครั้งแรก
นายผดุงเกียรติกล่าวว่า เริ่มต้นตั้งเป้าในการสอบเป็นอัยการ โดยสมัครเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในปี 2556 จบการศึกษาปี 2558 กระทั่งเรียนจบเนติบัณฑิตปี 2560 ซึ่งในระหว่างสอบเนติบัณฑิต ได้สมัครเข้าทำงานเป็น รปภ.ในมหาวิทยาลัยรามคำแหง (เวรกลางคืน) ประจำคณะมนุษยศาสตร์ เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงชีพและแบ่งเบาภาระครอบครัว พร้อมกับเป็นทุนในการศึกษาต่อ แต่ต้องผ่านการอบรมหลักสูตร รปภ. ก่อน และมีกฎระเบียบที่จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยขณะนั้นต้องทำงานควบคู่กับการสอบเนติบัณฑิตด้วย จึงต้องแบ่งเวลาทำงานและอ่านหนังสือเป็นสัดส่วน ตอนกลางวันพักผ่อนและอ่านหนังสือ ส่วนตอนกลางคืนเป็นเวลาทำงาน
หลังจากสอบเนติบัณฑิตได้ในปี 2560 และสอบใบอนุญาตว่าความในปี 2561 ก็สอบได้นายร้อยตำรวจ ตำแหน่งพนักงานสอบสวน แต่ตัดสินใจสละสิทธิ์ เพราะเป้าหมายคือการเป็นพนักงานอัยการ จึงทำงานเป็น รปภ.ต่อเพื่อเก็บเงินให้ได้จำนวนหนึ่ง เมื่อมีทุนเพียงพอแล้วจึงขอพักงาน รปภ. 3 เดือน ไปสมัครฝึกงานที่สำนักงานสุรพงศ์อัมพันศิริรัตน์ทนายความ มีหน้าที่จัดทำเอกสารและช่วยว่าความ สะสมประสบการณ์การว่าความให้ครบ 20 คดี จากนั้นกลับมาปฏิบัติหน้าที่เป็น รปภ. ที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง แต่ขณะฝึกงานยังไม่ครบ 20 คดี ซึ่งเกณฑ์การสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการอัยการ ตำแหน่งอัยการผู้ช่วย กำหนดว่าผู้สอบต้องผ่านการว่าความ 20 คดี และใบอนุญาตว่าความจะต้องมีอายุ 2 ปีขึ้นไป ทำให้มีเวลาเก็บคดีได้จนถึงปี 2563
นายผดุงเกียรติใช้เวลาในช่วงกลางวันไปประจำที่ศาลแพ่งมีนบุรี เพื่อขอเป็นทนายความร่วม รับผิดชอบเรื่องการทำเอกสารและเป็นทนายว่าความในคดีนั้น เมื่อครบ 20 คดี จึงอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบอัยการ กระทั่งการสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการอัยการ ตำแหน่งอัยการผู้ช่วย พ.ศ. 2565 (สนามใหญ่) รุ่นที่ 64 นายผดุงเกียรติเข้าสอบเป็นครั้งแรก และสอบผ่านตั้งแต่ครั้งแรก ได้ลำดับที่ 47 กลุ่มที่ 1
"การสอบได้อัยการตั้งแต่ครั้งแรก คือผลลัพธ์ของความพยายามทุ่มเท ด้วยศรัทธาในอาชีพอัยการ ว่าเป็นอาชีพที่มีความตรงไปตรงมา เป็นการเจรจาว่าความด้วยเหตุและผล ก็มีความใฝ่ฝันว่าอยากทำงานในตำแหน่งอัยการ โดยจะดำรงอาชีพอย่างมีเกียรติ จึงตั้งเป้าหมายและพยายามตั้งแต่ตอนนั้น จนทำตามความสำเร็จได้ ขอบคุณ ม.รามคำแหง ที่ให้โอกาสทุกคนได้เรียนอย่างเท่าเทียม ขอบคุณคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ ที่มอบความรู้ด้านกฎหมาย ซึ่งถือเป็นตำรากฎหมายเล่มแรกในชีวิต ทำให้มีความรู้และเรียนจบภายใน 2 ปี อีกทั้งยังให้อาชีพเลี้ยงตน โดยตลอดระยะการเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่มหาวิทยาลัย ได้รับความรักและการช่วยเหลือจากอาจารย์ พนักงาน และเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างดี รวมทั้งสนับสนุนให้ทำตามเป้าหมาย ทั้งให้กำลังใจและให้คำแนะนำอย่างดีเสมอมา" นายผดุงเกียรติกล่าว
นายผดุงเกียรติยังเปิดเผยถึงหลักการอ่านหนังสือเพื่อสอบกฎหมายตั้งแต่ปริญญาตรี จะใช้หนังสือหลักของวิชานั้นๆ เพียง 1 เล่ม โดยการอ่านคร่าวๆ ในรอบแรกเพื่อให้ทราบเนื้อหาทั้งหมดก่อน ซึ่งจะเริ่มไฮไลต์หัวข้อสำคัญในการอ่านครั้งที่ 2-3 พร้อมอ่านเนื้อหานั้นอย่างละเอียด จึงเริ่มเขียนหรือพิมพ์เนื้อหาสรุปลงในสมุดตามที่ตัวเองเข้าใจ นอกจากนี้ควรอ่านหนังสืออื่นเพิ่มเติม เช่น ตัวอย่างการพิจารณาคดีแปลกๆ ซึ่งจะมีเนื้อหาแตกต่างจากหนังสือเรียน ที่มีเกร็ดความรู้ดีๆ มีตัวอย่างการว่าความที่เป็นประโยชน์มาเสริมกับสรุปที่ได้จากหนังสือเรียน แล้วใช้สรุปล่าสุดนี้ในการอ่านเตรียมสอบและอ่านซ้ำอย่างน้อยวิชาละ 10 รอบ
"สำหรับการเดินไปสู่อาชีพอัยการ เป็นการเดินทางที่ยาวนาน ใช้ความอดทนสูง สิ่งสำคัญคือการวางเป้าหมายและวางแผนการเดินทางแต่ละขั้นจนถึงจุดหมาย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเดินบนเส้นทางเดียวกัน หวังว่าจะประสบความสำเร็จ ได้ใช้ความรู้ความสามารถทำหน้าที่อัยการอย่างภาคภูมิใจ" นายผดุงเกียรติกล่าว