ลูกสาวเผยอุทาหรณ์ แม่ถูกงูกัด แต่เข้าใจว่าคือตะขาบ ญาติที่ไปส่งโรงพยาบาลก็คิดว่าคือตะขาบ ทำให้หมอไม่สามารถฉีดเซรุ่มงูได้ทัน หัวใจหยุดเต้น และสุดท้ายเสียชีวิต เตือนทุกวินาทีมีค่า หากหมอแนะนำให้ฉีดเซรุ่มงูควรเชื่อ เพราะผลของการขัดแย้งทางความคิด คือ ความตาย
วันนี้ (12 ก.ย.) เฟซบุ๊ก “Angrisa Kanchotinon” ได้โพสต์อุทาหรณ์แม่โดนงูกัดจนเสียชีวิต โดยระบุว่า “แม่โดนงูกัด วันสารทจีน ถ้าเราโดนสัตว์มีพิษกัดให้รีบไปโรงพยาบาล ถ้าโดนงูกัดไม่ต้องขันชะเนาะ ไม่ต้องบีบพิษ ดูดพิษ กรีดแผล นวดแผล ใดๆ ให้รีบไปโรงพยาบาลเลย หรือถ้ารู้ว่างูอะไรให้บอกหมอทันที ทุกวินาทีมีค่า ถ้าไปถึงหมอ แล้วหมอบอกว่า งูกัด ต้องเชื่อ ต้องให้เขาฉีดเซรุ่มทันที อย่าเก่งกว่าหมอ เพราะผลของการขัดแย้งทางความคิด คือ ความตาย
แม่เกดโดนสัตว์มีพิษกัด ไม่เห็นตัวแน่ชัด ว่าอะไร คนไปส่งบอกตะขาบเพราะแม่บอกว่าตะขาบกัด แต่คุณหมอดูแผลออกบอกว่างู จะฉีดเซรุ่มงูให้ แต่เมื่อทางญาติคนไข้บอกว่าคนไข้โดนตะขาบกัด หมอก็ไม่กล้าฉีด จนหัวใจหยุดเต้น หมอจึงทำการปั๊ม 1 ครั้ง หัวใจก็กลับมาเต้น แต่หมดสติตั้งแต่ตอนนั้น เข้าห้อง ICU
หมอไม่ได้ฉีดเซรุ่ม เพราะทุกอย่างมันช้าเกินไป หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว 1 ครั้ง ทำให้เลือดขาดไปเลี้ยงสมอง หัวใจ หมอเจาะเลือดตรวจเพื่อหาแนวทางการรักษา
พิษได้ไปทำลายระบบประสาท ระบบหัวใจ ไปมีผลกับหัวใจ พบว่าหัวใจเต้นไม่ค่อยดี คุณหมอหัวใจจึงเข้ามา หัวใจมีปัญหา พบว่าเจอหลอดเลือดตีบที่หัวใจ จึงให้ยาละลายลิ่มเลือด เลือดก็เริ่มเข้าไปเลี้ยงหัวใจได้ ต่อมาพบว่า กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ทำให้ไม่สามารถสูบเลือดไปเลี้ยงตามร่างกายได้แบบปกติ จึงให้ยากระตุ้นหัวใจ ยาตัวนี้แรง ต่อมาหมอพบว่าความดันแม่ตกเพราะยากระตุ้นหัวใจ จึงต้องให้ยาเพิ่มความดัน ยาตัวนี้แรง
หมอบอกว่าร่างกายแม่ไม่ตอบสนองยา คนไข้หัวใจอยู่ได้ด้วยยากระตุ้น ปอดอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ เนื้อที่เท้าเริ่มตาย คุณหมอขอผ่าตัดเอาเนื้อตายที่โดนงูกัดออก เพราะจะลามไปทำให้ต้องตัดขา และลดอาการไข้ อาการอักเสบ จากเนื้อตรงที่โดนพิษ ต่อมาหมอแจ้งว่าจากยาที่ให้ไป และปัจจัยหลายๆ อย่าง ทำให้มีภาวะไตวายเฉียบพลัน ญาติจะฟอกเลือดมั้ย ไปปรึกษากัน
แล้วก็มาถึงจุดที่โรงพยาบาลโทร.มาแจ้งว่า ความดันตกหนัก ยาตัวเก่าเอาไม่อยู่ ต้องเปลี่ยนยาที่แรงกว่าเดิม อาจหัวใจหยุดเต้น ถ้าหัวใจหยุดเต้น ญาติจะให้ปั๊มมั้ย เราบอกว่าปั๊ม แล้วรีบมา รพ.
พอถึงห้อง icu พยาบาลโทเข้ามือถือ คนไข้ไม่ค่อยดี ขอให้มาด่วน เราบอกว่าเราอยู่หน้าห้อง เขามาเปิด เราเข้าไปอยู่กับแม่ เราขอแก้ไขเอกสาร ถ้าแม่หมดลมไม่ต้องปั๊มหัวใจ เพราะน่าจะกระดูกหักแน่ และถึงปั๊มขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจก็บีบได้แค่ 25%
เหมือนความดันที่ตกจะขึ้นไปดีปกติตอนเราไป สักพัก ตัวเลขหน้าจอเฉพาะค่าความดันหาย เรารู้ละ แม่ไม่อยากให้เรารู้ว่าตอนนี้ความดันเป็นเท่าไหร่ สัก 2 ชม.แม่ก็หมดลมไปต่อหน้าพวกเรา
แม่ให้เวลาเราร่ำลาตั้งแต่ 00.01-02.18 คือมากแล้ว ดีกว่าไปไม่ทันดูใจ พูดจากัน เรายืนจับมือแม่ไว้ตลอด บีบนวด เพื่อหวังปาฏิหาริย์ให้แม่ฟื้นขึ้นมาคุยกับเรา
ลูกรู้แล้วว่าแม่จะไป สังขารมันแย่มาก ทั้งสมอง หัวใจ ปอด ไต คุณแม่ทิ้งแล้ว ร่างกายนี้ มันช้าเกินไป มันสายเกินไป เมื่อคุณแม่หมดลม ลูกกอด จูบ กราบลา รักนะคะคนสวยของลูก ขอให้คุณแม่เดินสู่ทางสว่าง อย่ากลับมาอีกบนโลกมนุษย์ใบนี้ ขอให้คุณแม่เจริญธรรมและเลื่อนสู่ภพภูมิที่สูงยิ่งขึ้นไปค่ะ ขออุทิศผลบุญในการเขียนเรื่องนี้เป็นธรรมทานต่อทุกท่าน และอุทิศให้กับ คุณแม่นพวรรณ ประวัฒโณ”
คลิกโพสต์ต้นฉบับ