รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติวอนอย่าทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ลำบากตำรวจ เปลืองภาษีประชาชน หลังมือดีพ่นข้อความ “ทำไมพิธาไม่ได้เป็นนายก” ที่หน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่
วันนี้ (28 ส.ค.) เฟซบุ๊ก "เก็ต ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา" ของนายชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ โพสต์ภาพป้ายบอกทางบริเวณหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่ทำความสะอาดด้วยการทาสีทับเรียบร้อยแล้ว ระบุว่า "อย่าทำลายทรัพย์สินสาธารณะเลยครับ ลำบากพี่ตำรวจ และเปลืองภาษีประชาชน ส่วนคำตอบทำไมพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ ช่วยกันตอบในเมนต์เลยครับ"
ก่อนหน้านี้ เมื่อเช้าวันที่ 27 ส.ค. พบป้ายจราจรป้ายใหญ่บอกสถานที่ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ มีคนนำสีสเปรย์กระป๋อง พื้นป้ายพ่นสีขาว ตัวหนังสือสีม่วง เขียนข้อความว่า “ทำไมพิธาไม่ได้เป็นนายก” ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ แล้วประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
อนึ่ง ประเทศไทยใช้ประชาธิปไตยผ่านตัวแทน (representative democracy) โดยใช้ประชาธิปไตยระบบรัฐสภา (parliamentary democracy) ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แก้ไขเพิ่มเติมเมื่อปี 2564 กำหนดให้ประชาชนเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ได้แก่ แบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง หลังจากนั้น ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งจะเป็นผู้ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ผ่านการลงประชามติ กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย เป็นเวลา 5 ปี โดยต้องได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ซึ่ง ส.ว.ชุดปัจจุบันจะหมดวาระในปี 2567
ทั้งนี้ หลังการเลือกตั้งผ่านมากว่า 3 เดือน พรรคก้าวไกลได้ ส.ส.มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง และมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้จะได้สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาล แต่รวบรวมเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ในที่สุดวันที่ 22 ส.ค. พรรคเพื่อไทยที่ได้ ส.ส.เป็นอันดับสอง เสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตผู้บริหารแสนสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่าได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. และ ส.ว. รวม 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตัวจริง โดยได้รับการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา