ศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องสมศักดิ์ เจียมฯ ขอเพิกถอนคำสั่งไล่ออกจากราชการ

ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้อง สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ฟ้อง ม.ธรรมศาสตร์และคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ขอให้เพิกถอนคำสั่งไล่ออกจากราชการ ระบุ ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อกันเกินกว่า 15 วัน ไม่มีเหตุอันสมควร จงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบราชการ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

วันนี้ (15 ส.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า เว็บไซต์ศาลปกครองได้เผยแพร่คำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยื่นฟ้องอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา กรณีสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ โดยอ้างเหตุว่าผู้ฟ้องคดีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง เนื่องจากจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามระเบียบแบบแผนในเรื่องการลาและการปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องและคำขอท้ายในส่วนของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา

โดยศาลเห็นว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีอ้างเหตุจำเป็นที่ไม่อาจมาปฏิบัติราชการว่าได้เขียนข้อความแสดงความคิดเห็นให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีถูกข่มขู่คุกคาม โดยถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่บ้านพักเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2557 เหตุดังกล่าวได้เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้ว นอกจากนี้ ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ชี้แจงหรือแสดงพยานหลักฐานให้ศาลเห็นว่ายังมีเหตุอื่นใดที่ทำให้เห็นว่าผู้ฟ้องคดีมีเหตุผลความจำเป็นถึงขนาดที่จะทำให้ไม่สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการได้

ส่วนกรณีที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าถูกออกหมายจับกรณีไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นเรื่องที่ผู้ฟ้องคดีต้องไปใช้สิทธิต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรมต่อไป พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดีเป็นการละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และมีพฤติการณ์แสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง อุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีฟังไม่ขึ้น คำสั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ จึงเป็นการใช้ดุลยพินิจที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

นอกจากนี้ การที่ ศ.ดร.สมคิด เลิศไพทูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ขณะนั้น) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา เป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่อาจถือว่ามีเหตุที่มีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลาง อุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีในประเด็นนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนคำสั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็นยกฟ้อง

อ่านสำเนาคำพิพากษา คลิกที่นี่