ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ประกาศลงโทษทางวินัยร้ายแรงบุคลากรในสังกัดที่มีผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการผิดปกติเกิดความเสียหาย และพ้นจากการเป็นบุคลากรของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แล้ว หลังจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมามีประเด็นนักวิชาการในไทยจ่ายเงินซื้องานวิจัยที่ตัวเองไม่ได้ทำ เพื่อใส่ชื่อตัวเองเป็นเจ้าของผลงาน และตีพิมพ์ในวารสารวิชาการต่างประเทศ
จากกรณีประเด็นดรามาในวงการนักวิชาการ หลังมีประเด็นที่กำลังถูกถกเถียงกันอยู่ในเรื่องที่เกี่ยวกับนักวิชาการไทยในต่างประเทศรายหนึ่งได้ออกมาแฉว่ามีการซื้อขายออนไลน์เพื่อให้ได้ใส่ชื่อตัวเองเป็นผู้แต่งงานวิจัยโดยไม่ต้องทำจริง ทั้งนี้มีการโยงไปถึงนักวิชาการชื่อดังของสถาบันต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ออกประกาศตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อสอบข้อเท็จจริงประเด็นดังกล่าว
อ่านข่าวประกอบ - ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ลงโทษวินัยร้ายแรง อาจารย์ซื้องานวิจัย พ้นจากการเป็นบุคลากรแล้ว
วันนี้ (31 ก.ค.) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ออกประกาศว่า กรณีที่มีข่าวว่ามีบุคลากรในสังกัดรายหนึ่งมีพฤติการณ์ว่ามีผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่มีความผิดปกติจนเกิดความเสียหายต่อราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นั้น บัดนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวจนเป็นที่ยุติ พบว่าบุคลากรรายดังกล่าวมีพฤติการณ์กระทำความผิดวินัยร้ายแรง อันเกี่ยวเนื่องจากพฤติการณ์ที่ผิดปกติของการตีพิมพ์ผลงานวิจัย และได้ลงโทษทางวินัยร้ายแรงและพ้นจากการเป็นบุคลากรของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แล้ว ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มุ่งมั่นให้บุคลากรทุกคนมีมาตรฐานการดำเนินงานที่โปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล มุ่งเน้นการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม และนำองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้และพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและประเทศชาติต่อไป จึงแจ้งมาให้ทราบทั่วกัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นปี 2566 ในสื่อสังคมออนไลน์มีการเปิดประเด็นว่ามีนักวิชาการในไทยจ่ายเงินซื้องานวิจัยที่ตัวเองไม่ได้ทำ เพื่อใส่ชื่อตัวเองเป็นเจ้าของผลงานและตีพิมพ์ในวารสารวิชาการต่างประเทศ โดยพบว่ามีนักวิชาการ 2 รายถูกตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ รายแรกเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รายที่สองเป็นอาจารย์จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยมีข้อสังเกต คือ งานวิจัยที่ทั้งสองคนได้ร่วมกันทำงานวิจัยเกี่ยวกับ 'วัสดุนาโน' ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสาขาที่เรียนมา เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันในแวดวงวิชาการและการวิจัย และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบและจัดการขั้นเด็ดขาดเพราะถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง
ขณะที่อาจารย์คนดังกล่าว ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาการพยาบาลชุมชน อยู่ในระหว่างลาศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกา ได้ทำบันทึกข้อความชี้แจงไปยังคณบดีวิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ในเวลานั้น ยืนยันว่าตนได้ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมทีมในงานวิจัยเพื่อตีพิมพ์ผลงานอย่างแท้จริงทุกเรื่อง และไม่เคยกระทำและไม่มีส่วนรู้เห็นในการซื้อขายตำแหน่งผู้ร่วมทีมวิจัยมาก่อน และไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆ ส่วนประเด็นผลงานพิมพ์ที่จำนวนหลายเรื่องในแต่ละปี มีการชี้แจงว่า เนื่องจากได้รับเชิญให้ทำหน้าที่บรรณาธิการวิชาการ ทำให้ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือในการให้ความเห็นในเรื่องระเบียบวิธีการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล เนื้อหาและรูปแบบการนำเสนอ (Manuscript) เพื่อตีพิมพ์บ้าง โดยทุกเรื่องได้มีการร่วมพิจารณารายงานการวิจัยเพื่อตีพิมพ์ในวารสาร ทำให้มีโอกาสมีชื่อร่วมตีพิมพ์ด้วย