xs
xsm
sm
md
lg

18 มงกุฎใน 18 มงกุฎ “ผู้กองทิพย์” บอดี้การ์ดนายกฯ ทิพย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” เปิดเบื้องหลัง “พี่ต้น” ผู้กองทิพย์ คนคุ้มกัน “พิธา” นายกฯ ทิพย์ เคยก่อคดีแอบอ้างเป็นตำรวจอุ้มเหยื่อรีดทรัพย์ร่วม 3 แสนบาท “พล.ต.ต.สุพิศาล” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลเคยแถลงข่าวจับกุมด้วยตัวเอง ชี้มาร่วมงานกันในพรรคเพราะเป็นสายเดียวกัน มีอีกหลายคนโดนคดี สะท้อนเนื้อแท้ของพรรค



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงเบื้องหลังของ“ผู้กองต้น” คนติดตามใกล้ชิดของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งบรรดากลุ่มผู้สนัลบสนุนพรรคก้าวไกลหรือ “ด้อมส้ม” ต่างชื่อชอบหลงใหล พอๆ กับตัวนายพิธาเอง หากเห็นนายพิธาที่ไหน ต้องเห็นผู้กองต้นที่นั่น โดยภาพลักษณ์ผู้กองต้นที่ยืนอารักขานั้น คือชายหัวเกรียน ใส่ชุดสีดำ เหมือนกับว่าจะให้ทุกคนมองว่าตัวเองเป็นทหารหรือตำรวจ


อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในโลกโซเชียลมีการเปิดประเด็นโดยการโพสต์ข้อมูลระบุว่า “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ เปิดหน้านายกฯ ทิพย์ แถมมีตำรวจทิพย์คุ้มกัน (คนร้ายมีชื่อในวงการว่า ผู้กองต้น ตรวจสอบพบว่าเคยมีประวัติการต้องโทษ) แต่คำนี้เหมาะสุด เป็นแก๊ง 18 มงกุฎชัดๆ”


ทั้งนี้ "ผู้กองต้น" มีชื่อจริงว่า นายทัศน์ ศรีกมลภักดี อายุ 39 ปี เป็นคนร้อยเอ็ด น่าแปลกใจคือกว่าจะมีวันนี้ได้ ผู้กองต้นเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง ชื่อที่ทำให้ผู้กองต้นมีชื่อเสียงที่สุดจนถึงขั้นต้องติดคุกติดตะราง คือชื่อ นายศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี


เมื่อปี 2554 ผู้กองต้น ในช่วงนั้นใช้ชื่อ ศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี อายุราว 27 ปี ตอนนั้นทำตัวเป็น 18 มงกุฎ อ้างตัวเองว่าเป็นตำรวจ 191 มีตำแหน่งเป็นผู้กอง และยังเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมกับพรรคพวกอีก 2-3 คน อุ้มหนุ่มเจ้าของร้านขายของชำย่านพระโขนง ไปข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย ตบทรัพย์กว่า 3 แสนบาท คาลานจอดรถของกองบังคับการกองปราบปราม แต่สุดท้ายหนีไม่พ้น ถูกตำรวจกองปราบปรามในยุคที่ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ที่เมื่อ 12 ปีที่แล้วเป็นผู้บังคับการกองปราบในตอนนั้น จับกุม แถลงข่าวใหญ่ (อ่านข่าว รวบ “หนุ่มแสบ” อ้างเป็น ตร.อุ้มเหยื่อปล้นทรัพย์ร่วม 3 แสน)


ในวันที่แถลงข่าว วันที่ 15 กรกฎาคม 2554 พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ในฐานะผู้การกองปราบในสมัยนั้น นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 649/2554 ในข้อหา ปล้นทรัพย์ในสถานที่ราชการโดยใช้ยานพาหนะกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายให้ผู้ถูกข่มขืนใจกระทำการ และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดๆ ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยถูกจับกุมที่ลานจอดรถสถานีตำรวจคลองตัน ช่วงค่ำวันที่ 14 กรกฎาคม 2554


พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2554 "พี่ต้น" ของด้อมส้มทั้งหลาย พร้อมกับพวกอีก 2 ราย อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ 191 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ไปอุ้ม ทำทีว่าเข้าจับกุมนายบุญส่ง อาภรณ์ อายุ 25 ปี ร้านขายของชำในซอยปรีดีพนมยงค์ 14 พาไปขึ้นรถเก๋งฮอนด้า รุ่น ACCORD สีดำ ไปที่ลานจอดรถกองบังคับการปราบปราม พร้อมยัดข้อหาคดียาเสพติดให้กับนายบุญส่ง ข่มขู่ รุมทำร้ายร่างกาย บังคับเอาทรัพย์สิน แบ่งเป็น ทองคำรูปพรรณ เงินสด 60,000 บาท รวมมูลค่า 278,000 บาท พอรีดทรัพย์เสร็จยังไม่หนำใจ ผู้กองต้นยังทำทีเดินขึ้นไปบนอาคารที่ทำการกองปราบปราม และกลับมาบอกเหยื่ออีกว่า “นายสงสารมึง เห็นว่ามีลูกเล็ก ก็ปล่อยตัวมึงไป แต่ต้องโอนเงินมาให้อีก 50,000 บาท ไม่งั้นมึงก็จะโดนอีกรอบ”

ด้วยความกลัว เหยื่อต้องยอมโอนไปตามที่มันข่มขู่ แทนที่จะเอาเหยื่อมาปล่อยตัวบนถนนพหลโยธิน ตรงข้ามห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว จากนั้นเหยื่อก็รู้ว่าพวกนี้คือตำรวจปลอม จึงร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาฯ เข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบ ตำรวจกองปราบก็ไปจับตัวได้ยกแก๊ง ทั้งชุด

ศาลตัดสินผู้กองต้น จำคุกนาน 12 ปี แต่ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ ทำให้จำคุกจริงๆ ไม่กี่ปี ได้รับอิสรภาพเมื่อปี 2560

นอกจากคดีอ้างเป็นตำรวจอุ้มเหยื่อ ปล้นทรัพย์ร่วม 3 แสนบาทแล้ว ผู้กองต้นยังมีประวัติอาชญากรรมติดตัวอีกหลายคดี เช่น ข้อหาใช้ หรืออ้างเอกสารราชการปลอม ตามเลขคดีที่ 432/2554 ของสถานีตำรวจเมืองนนทบุรี โดยมีบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจปลอม ชื่อ ร.ต.อ.ศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี และเคยมีหมายจับติดตัว เลขที่ 314/2554 ที่ สน.ลุมพินี แต่ได้มีการถอนหมายจับออกไปแล้ว

ที่น่าตลกขบขัน แต่บัดซบที่สุด คือ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ที่มีฉายาในวงการสื่อมวลชนว่า "บิ๊กแมว" เป็นคนแถลงข่าวจับกุมผู้กองต้น ผู้กองทิพย์ มีรูปแถลงข่าว เดินกอดคอผู้ต้องหาในวันนั้น วันนี้ พล.ต.ต.สุพิศาล มีตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล รับผิดชอบด้านการเมืองและกิจการพิเศษ และยังเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อด้วย


ตำรวจกับโจรในวันนั้น ได้กลับมาร่วมกันอีกครั้งหนึ่งที่พรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตาม หลังจากกระแสผู้กองต้น ผู้กองทิพย์ กลายเป็นกระแส ถูกพูดกันดังกระหึ่ม พล.ต.ต.สุพิศาล ก็ออกมาแก้ตัวเป็นพัลวัน อ้างว่าจำไม่ได้บ้าง เพราะผู้กองต้นเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล งานดูแลเรื่องความปลอดภัยหัวหน้าพรรคไม่ได้เป็นส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ แต่เป็นเรื่องของทีมงานหัวหน้าพรรค เป็นคนที่บริษัท รปภ. ส่งมา ไม่ได้เป็นคนของพรรค พรรคก้าวไกลให้โอกาสทุกอาชีพ ให้โอกาสคนผ่านคุกผ่านตะราง เขารับผิด รับโทษแล้ว ถือว่าหมดมลทิน เท่าเทียมกันทุกคน


“ข้ออ้างของคุณสุพิศาล ดูจะขัดแย้งกับพฤติกรรมสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้การกองปราบ ที่ออกซ้ายบนปกกระเป๋าเสื้อต้องถามว่าท่านติดเข็มอะไรอยู่ แต่วันนี้เกษียณอายุราชการ ถอดหมวกตำรวจออกแล้ว ท่านดันมาร่วมงานกับพรรคการเมืองที่ตั้งเป้าชัดเจนว่าจะแก้มาตรา 112 ต้องการจะล้มล้างสถาบัน แถมยังดำรงตำแหน่งถึงรองหัวหน้าพรรค


“แม้ว่าวันนี้ผู้กองต้นของคอนด้อมส้มจะถูกทางพรรคให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ในการเป็นบอดี้การ์ด คนข้างกายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายกฯ ทิพย์ ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของหัวหน้าพรรค แต่ลึกๆ แล้วคุณก็รู้ ผมก็รู้ดีว่าผู้กองต้นจริงๆ แล้วเป็นคนในสายของ พล.ต.ต.สุพิศาล อดีตผู้บังคับการกองปราบ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล

“ที่เหนือไปกว่านั้น ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่า พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ในอดีตนั้นเป็นเด็กของใคร จะใช่หรือไม่ใช่ จะจริงหรือไม่จริง ผมไม่รู้ แต่มีคนบอกว่า คนๆ นั้นเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง คนดังคนหนึ่งนั่นเอง



“และนี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำประจำ ไม่ใช่เฉพาะผู้กองต้นอย่างเดียว ส.ส. หลายคน ซึ่งถ้า กกต. ตรวจสอบให้ดีทุกคนแล้ว ผมเชื่อว่าพรรคก้าวไกลอาจจะโดนใบแดงสูงถึงเกือบ 20 คน เพราะว่าขาดคุณสมบัติจริงๆ หลายคุณสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ได้ไปเลือกตั้งคราวที่แล้ว ซึ่งต้องถือว่าไม่สามารถจะลงเลือกตั้งได้ บางคนเคยต้องคดีอาญามาแล้ว เหมือนอย่างที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้กล่าวเอาไว้ เยอะแยะไปหมด ส่วนคนที่ไม่ได้ผิดกฎกติกา ก็ยังมีสันดานที่บัดซบ เหมือนยัยไอซ์ รัชนก ที่นั่งเอาหัวเข่าชัน โดยไม่คำนึงถึงเลยว่านี่คือสภาฯ อันทรงเกียรติ หรือว่าคนๆ หนึ่งดันทะลึ่ง นิสัยดั้งเดิมคือชอบกินเหล้าเมายา เมาแล้วขับรถไปชนเสาไฟฟ้า รวมทั้งทำร้ายร่างกายคนอีก


“นี่คือเนื้อแท้จริงๆ เนื้อแท้ครับ ท่านผู้ชมที่เป็นติ่งสีส้ม ให้รู้ว่าพวกคุณมีคนระยำแบบนี้เยอะมาก คุณเพียงแต่กวาดต้อนมาเข้าคอกคุณ แล้วใช้ยี่ห้อพรรคก้าวไกล ทำให้เขาได้รับเลือกเป็น ส.ส. ช่างน่าอับอาย อัปยศอดสู เลิกสร้างภาพเสียทีได้หรือยังครับพวกคอนด้อมส้ม” นายสนธิ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น