"ปานเทพ" เชื่อ พท.ไม่กล้าทิ้ง กก. รอคดีความเรื่องหุ้นสื่อ อาจหนักถึงขั้น กก.ไม่สามารถลงเลือกตั้งซ่อมใหม่ได้ พท.หวังกวาดคะแนนจากส้ม จับตาอีกแนวทางอาจชู "อนุทิน" เป็นนายกฯ ให้เผชิญกับม็อบแทน
วันที่ 24 ก.ค. 2566 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง "นิวส์วัน"ในหัวข้อ "เพื่อไทยเทก้าวไกล..หรืออนุทินจะเป็นนายกฯ?"
นายปานเทพกล่าวว่า ก้าวไกลกับเพื่อไทย ต่างรู้ว่าต้องเป็นคู่แข่งกันต่อไปในอนาคต เพียงแต่ต้องเล่นละครบนเวทีอย่างไรให้มีความชอบธรรมในมวลชนฝ่ายตัวเอง หากเพื่อไทยเทก้าวไกลเลย ระยะยาว 4 ปีข้างหน้ามีโอกาสสูญเสียมวลชนไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่แน่นอน อาจมีตัวแปรตัวอื่นทำให้สถานการณ์เปลี่ยน
เพื่อไทยต้องรอสถานการณ์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนขั้วได้ จนกว่าจะมีคนจับแยก หนึ่ง คำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ของพิธา ทำให้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้ทำไม่ได้ สเต็ปต่อมาจะทิ้งก้าวไกลอย่างไรเพื่อตอบมวลชนตัวเองให้ได้ มันไม่ง่าย เพราะต้องวัดใจว่าเพื่อไทยกล้าขนาดไหน แค่เจรจากับพรรคอื่นชนแก้วกัน คนส่วนหนึ่งก็ไม่พอใจแล้ว เพื่อไทยต้องการให้ก้าวไกลยอมไปเอง ก้าวไกลก็ไม่ยอม เพราะต้องการให้อีกฝ่ายเสียมวลชนของตัวเอง
วันที่ 27 ก.ค.นี้การเลือกนายกฯ เพื่อไทยจะเสนอใครก็ตาม ตราบใดที่เพื่อไทยยังไม่สลัดก้าวไกล คนนั้นก็จะไม่ผ่าน ไม่สามารถกลับมาเป็นนายกฯ ได้ ฉะนั้นคนที่ถูกเสนอชื่อไม่เต็มใจจะเป็นฝ่ายถูกเชือด ก็จะขอเลื่อนวันเลือกนายกฯ ออกไป
แล้วเพื่อไทยจะสลัดก้าวไกลยังไงให้ชอบธรรมที่สุด ตนสันนิษฐานว่าเพื่อไทยจะยังไม่แยกจากก้าวไกล จนกว่าจะมีคดีความของก้าวไกลที่มีน้ำหนักพอ สมมติยุบพรรค คงมีการตั้งพรรคสำรอง แล้วก็จะชนะอย่างถล่มทลาย ยุบพรรคไม่ใช่ทางออก แต่เรื่องใหญ่คือที่พิธาถือหุ้นสื่อ แล้วกรณีหัวหน้าพรรคเสนอ ส.ส.ลงแข่งจริงหรือเปล่าที่ผ่านมา
"หัวหน้าพรรคมีสิทธิส่ง ส.ส.ของตัวเองจริงหรือเปล่า ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งปิดรับสมัครไปแล้ว ถ้าการเสนอครั้งนั้นเป็นการเสนอโดยมิชอบ แปลว่า ส.ส.ทุกเขตในประเทศไทยที่มีก้าวไกลรวมถึง ส.ส.บัญชีรายชื่อก็จะหายไปทั้งหมดและเลือกตั้งใหม่ โดยพรรคก้าวไกลไม่สามารถส่งใหม่ได้ เพราะเลยวันรับสมัครรับเลือกตั้งไปแล้ว อันนี้ต่างหากเป็นเรื่องใหญ่ สมมติบัญชีรายชื่อไม่มีชื่อพรรค กากบาทพรรคใหม่ไม่ได้ ปาร์ตี้ลิสต์ก็จะหายไปทั้งหมด และจะเกิดการเกลี่ยใหม่ของบัญชีรายชื่อเท่าที่เหลือ"
เรื่องที่สอง เฉพาะเขตที่ชนะอย่างถล่มทลาย คำถามคือเลือกตั้งซ่อมใหม่ ประชาชนจะเลือกใครในวันที่ไม่มีก้าวไกล ถ้าเพื่อไทยเปลี่ยนขั้ว ไม่มีทางที่ประชาชนที่เลือกก้าวไกลจะเลือกเพื่อไทย เขาก็เลือกพรรคอื่น ซึ่งเป็นไปได้ที่จะเลือกไทยสร้างไทย ไม่แปลกที่ศิธาจะเคลื่อนไหวเอาใจก้าวไกล เพื่อไทยคงจะยืนอยู่ 8 พรรคอย่างนี้ จนกว่าสถานการณ์เปลี่ยนเรื่องกฎหมาย หวังกวาดคะแนนให้มากกว่านี้ในพื้นที่ของก้าวไกล
นายปานเทพกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนวิเคราะห์ว่าเมื่อไม่มีก้าวไกล ตัวแปรสำคัญที่สุดที่จะมีเสียงเกินครึ่ง และ ส.ว.สนับสนุนด้วย ต้องมีต่ำสุดคือ พปชร. และ ภท. แต่สถานการณ์พลิกอีก เมื่อลุงตู่วางมือ มันทำให้รวมไทยสร้างชาติซึ่งมี 36 ที่นั่ง กลายเป็นสมการที่เลือกได้ของเพื่อไทยเพราะอ้างว่าไม่มีลุงตู่แล้ว รวมไทยสร้างชาติรวมกับ พปชร. ได้ 76 ที่นั่ง มากกว่า ภท. แต่แบ่งแยกกัน ซึ่งเพื่อไทยก็คงไม่อยากอยู่ภายใต้การต่อรองของ ภท. เลยมีแนวโน้มเอารวมไทยรักษาชาติมาประกบด้วย ก็จะได้ทั้งหมด 310 ที่นั่ง เอาก้าวไกลออก ส.ว.ก็มาหมดด้วย แต่จะต้านทานความรู้สึกประชาชนได้หรือ
นายปานเทพกล่าวอีกว่า แล้วสถานการณ์จะยืดเยื้อถึงเมื่อไหร่ หมอชลน่านหลุดมาคำหนึ่ง ว่าแนวทางถัดไปโยนให้พรรคอันดับ 3 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน ให้ไปเผชิญม็อบแทน แต่ตัวเองร่วมด้วย ซึ่งอนุทินมีข้อดีคือเหมือนจะเข้าได้กับทุกขั้ว และชัดเจนก่อนทุกพรรคเรื่องไม่แก้ มาตรา 112 และยืนหยัดไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อนุทินเลยน่าจับตา เมื่อสถานการณ์ไม่เอาก้าวไกล แล้ว รทสช. กับ พปชร.จะโหวตให้ไหม แต่อนุทินพร้อมเผชิญหน้าด้อมส้มไหม
แล้วถ้า รทสช.กับ พปชร. ซึ่งรวมกันได้ 76 เสียง เหนือ ภท. ขอเสนอนายกฯ คือลุงป้อม แต่เชื่อว่าลุงป้อมจะกระตุ้นม็อบมากกว่า ภท.
นายปานเทพยังกล่าวอีกว่า ส่วนใครที่เป็นรัฐบาลหน้าให้ตระหนักเลย ถ้ายังทำการเมืองแบบเก่า แพ้เลือกตั้งยับเยินใน 4 ปีข้างหน้าแน่ ต้องคิดแบบที่ประชาชนต้องการ ต้องเสียสละกลุ่มทุนตัวเอง ถ้าทำไม่ได้พังแน่นอน
แล้วถามว่าจะยืดเยื้อถึงเมื่อไหร่ไม่ทราบได้ แต่ทางโหราศาสตร์ สถานการณ์จะคลี่คลายช่วง ก.ย.-ต.ค.เป็นต้นไป จนกระทั่งมีข้อยุติทางคดีความ