เปิดบัญชีทรัพย์สิน "พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์" รองหัวหน้าพรรค และอดีต ส.ส.ก้าวไกล มือประสานฟอร์มทีมตั้งรัฐบาล เจ้าของตำนาน #มีกรณ์ไม่มีกู พบมีทรัพย์สินกว่า 261 ล้านบาท เป็นเจ้าของรถหรูทั้งเบนท์ลีย์ 15 ล้าน ปอร์เช่ 2 คัน มอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์ เดวิดสันอีก 2 คัน
วันนี้ (17 ก.ค.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรณีพ้นจากตำแหน่ง หนึ่งในนั้นคือ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีพ้นจากตำแหน่ง พบว่า อายุ 45 ปี บิดาคือนายภิภัทร เชาวพัฒนวงศ์ อายุ 76 ปี มารดาคือนางพรชนก เชาวพัฒนวงศ์ อายุ 72 ปี มีพี่น้อง 2 คน ประวัติการทำงานย้อนหลัง 5 ปี ปี 2557-2561 กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัมคิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด ปี 2562 ถึงปัจจุบัน เป็นที่ปรึกษาบริษัท และปี 2562-2566 เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล คู่สมรสคือ นางอัจฉรียา เชาวพัฒนวงศ์ (นามสกุลเดิม พรมไชย) อายุ 46 ปี จดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2546 มีบุตรด้วยกัน 3 คน
รายได้ประจำ ประกอบด้วย เงินเดือน เบี้ยประชุม 1,362,720.00 บาท คู่สมรส 11,399,381.92 บาท ค่าที่ปรึกษา 1,800,000.00 บาท รายได้จากทรัพย์สิน ประกอบด้วย ขายที่ดินในปี 2564 จำนวน 43,000,000.00 บาท ขายที่ดินในปี 2565 จำนวน 16,848,000.00 บาท รวมรายได้เฉพาะนายพิจารณ์ 63,010,720.00 บาท ส่วนรายจ่ายประจำ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค 2,500,000.00 บาท คู่สมรส 3,800,000.00 บาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 300,000.00 บาท ค่าเบี้ยกรมธรรม์ 700,000.00 บาท คู่สมรส 4,000,000.00 บาท รายจ่ายอื่นๆ ได้แก่ ค่าเล่าเรียน ค่าเรียนพิเศษ เฉพาะบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 3,700,000.00 บาท บริจาคพรรคก้าวไกล 7,980,000.00 บาท บริจาค เฉพาะคู่สมรส 100,000.00 บาท ค่าอุปการะบิดามารดา 1,200,000.00 บาท คู่สมรส 720,000.00 บาท ค่าท่องเที่ยว เฉพาะคู่สมรส 600,000.00 บาท ส่วนเงินได้พึงประเมิน มาตรา 40 (8) จำนวน 3,240,810.95 บาท คู่สมรส 11,399,381.92 บาท
รายการทรัพย์สิน ประกอบด้วย เงินสด เฉพาะคู่สมรส 10,000,000.00 บาท เงินฝาก 13 บัญชี รวม 12,736,059.28 บาท คู่สมรส 18 บัญชี รวม 1,191,929.52 บาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 3 บัญชี รวม 518,736.08 บาท เงินลงทุน 2,948,555.43 บาท ทั้งหมดเป็นกองทุนรวม คู่สมรส 7,868,310.49 บาท เป็นกองทุน 16 บัญชี หลักทรัพย์ 44 บริษัท สินทรัพย์ดิจิทัล 132,738.74 บาท เงินให้กู้ยืม 7,000,000.00 บาท ให้กับ นายประภาส ปิ่นวิเศษ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2559 ที่ดิน 14 แปลง เป็นเงิน 46,182,000.00 บาท คู่สมรส 4 แปลง เป็นเงิน 6,330,000.00 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้าน 3 หลัง มูลค่ารวม 29,500,000.00 บาท คู่สมรส 1 หลัง เป็นเงิน 1,000,000.00 บาท
ยานพาหนะ 38,750,000.00 บาท เป็นรถยนต์ 7 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน ได้แก่ รถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น GT มูลค่า 15,000,000.00 บาท ได้มาเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2564 รถยนต์ปอร์เช่ รุ่น 911 มูลค่า 8,000,000.00 บาท ได้มาเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2565 รถยนต์ปอร์เช่ รุ่น พานาเมรา มูลค่า 7,000,000.00 บาท ได้มาเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2564 รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 740 Li มูลค่า 2,500,000.00 บาท ได้มาเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2560 รถยนต์เลกซัส รุ่น RC300H มูลค่า 1,500,000.00 บาท ได้มาเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2558 รถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด 2 คัน มอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน รุ่น สปอร์ตเตอร์ มูลค่า 350,000 บาท และมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน รุ่น V-Rod มูลค่า 600,000.00 บาท คู่สมรส เป็นเงิน 2,200,000.00 บาท เป็นรถยนต์ 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 520d มูลค่า 2,000,000.00 บาท ได้มาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 รถยนต์โตโยต้าคัมรี มูลค่า 200,000.00 บาท ได้มาเมื่อปี 2550
สิทธิและสัมปทาน (กรมธรรม์ประกันชีวิต) 16,013,343.43 บาท คู่สมรส 13,345,560.00 บาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 19,587,766.73 บาท และทรัพย์สินอื่น 37,810,000.00 บาท เป็นนาฬิกาข้อมือชาย 58 เรือน มูลค่ารวม 37,610,000.00 บาท อาวุธปืน 2 กระบอก ได้มาเมื่อปี 2551 มูลค่ารวม 200,000.00 บาท คู่สมรส 17,560,000.00 บาท ประกอบด้วยทองคำแท่ง น้ำหนัก 175 บาท สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 50 บาท เหรียญสะสม เพชร 3 เม็ด แหวนเพชร 21 วง สร้อยเพชร 6 เส้น กำไล 7 วง ต่างหู จี้ พลอย นาฬิกาข้อมือหญิง 9 เรือน มูลค่ารวม 2,890,000.00 บาท กระเป๋าแบรนด์เนม 19 ใบ มูลค่ารวม 1,020,000.00 บาท เปียโน 1 หลัง มูลค่า 400,000.00 บาท ได้มาเมื่อปี 2556 รวมทรัพย์สินทั้งสิ้น 261,542,260.96 บาท
ส่วนรายการหนี้สิน ประกอบด้วย เงินเบิกเกินบัญชี 47,416.14 บาท เป็นบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย 2 บัญชี ธนาคารยูโอบี และธนาคารกรุงศรีอยุธยา คู่สมรส 117,765.05 บาท ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย อเมริกัน เอ็กซ์เพรส และธนาคารยูโอบี 2 บัญชี รวมหนี้สินทั้งสิ้น 165,181.19 บาท
อนึ่ง สำหรับนายพิจารณ์ สำเร็จการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าโทรคมนาคม จากสถาบันนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่บ้านทำธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าด้านเครื่องมือช่างสำหรับงานก่อสร้างและงานอุตสาหกรรม ภายใต้ชื่อแบรนด์ Pumpkin ขยายธุรกิจไปที่ประเทศจีน และยังทำธุรกิจผลิตและส่งออกน้ำผลไม้กระป๋อง เข้ามาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ครั้งแรก หลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบได้ย้ายสังกัดไปยังพรรคก้าวไกล ตามนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก่อนที่จะไม่ขอลงสมัคร ส.ส.ต่อ เพื่อเปิดทางให้สมาชิกพรรคคนอื่นได้เข้ามา แต่ยังคงร่วมงานกับพรรคก้าวไกลในตำแหน่งอื่น
ก่อนหน้านี้ในการฟอร์มเสียง ส.ส.เพื่อจัดตั้งรัฐบาล นายพิจารณ์เป็นหนึ่งในแกนนำพรรคก้าวไกลที่ไปดีลกับพรรคการเมืองต่างๆ หนึ่งในนั้นคือพรรคชาติพัฒนากล้า ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และนายกรณ์ จาติกวณิช (ขณะนั้น) ซึ่งได้ ส.ส. 2 ที่นั่ง ได้แก่ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายประสาท ตันประเสริฐ ส.ส.นครสวรรค์ แต่ปรากฏว่าถูกกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลโจมตีว่าขัดกับอุดมการณ์ของพรรค มีการตั้งแฮชแท็ก #มีกรณ์ไม่มีกู ส่วนนายกรณ์ไปต่างประเทศ ไม่ทราบเรื่อง สุดท้ายพรรคก้าวไกลแถลงยุติเชิญร่วมรัฐบาล ส่วนนายสุวัจน์แถลงข่าวขอบคุณพรรคก้าวไกลที่เชิญร่วมรัฐบาล เมื่อยุติการเชิญก็ไม่มีปัญหา ไม่โกรธ ไม่ได้น้อยใจหรือผิดหวัง และไม่มีปัญหาแต่อย่างใด