ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลบุกคุกคามโซเชียลฯ ลูกชาย ส.ว.สมชาย แสวงการ

พบด้อมส้ม ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล เปิดวาร์ปโซเชียลมีเดียของลูกชาย ส.ว.สมชาย แสวงการ ทำเอาทัวร์ลงต้องปิดไพรเวต ระบุ นี่คือราคาที่ต้องจ่าย ต่อจากนี้จะไม่มีที่ยืนในสังคม ขณะที่ พายุ เนื่องจำนงค์ นักการเมืองเมืองชล เตือนพฤติกรรมนี้ส่อรุนแรงถึงชีวิตและทรัพย์สิน ถึงวันนั้นใครจะรับผิดชอบ

วันนี้ (14 ก.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้รับเลือกในที่ประชุมรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ามีผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล หรือด้อมส้ม ออกมาแสดงความคิดเห็นโจมตีการลงมติของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ส่วนใหญ่งดออกเสียง และไม่เห็นชอบ

ขณะเดียวกัน ยังพบว่ามีด้อมส้มส่วนหนึ่งออกมาเปิดวาร์ปโซเชียลมีเดียของลูกชายนายสมชาย แสวงการ ส.ว. ที่อภิปรายไม่เห็นชอบให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ในการประชุมรัฐสภา ทำให้มีกลุ่มด้อมส้มทัวร์ลงจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคืออินสตาแกรมของลูกชายนายสมชาย ทำให้ต้องตั้งค่าเป็นส่วนตัว (Private)

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @countolaf97 ระบุว่า "ลูกชาย ส.ว.สมชาย แสวงการ เรียน ... ล่าสุดปิดไอจี private แล้วจ้า ทัวร์ลง นี่คือราคาที่ต้องจ่ายลูกหลาน ส.ว. ต่อจากนี้จะไม่มีที่ยืนในสังคม #โหวตนายกฯ" ทำให้ชาวทวิตเตอร์ออกมาตำหนิพฤติกรรม เช่น

"ลูกเขาเกี่ยวอะไร ประชาธิปไตยส้นตีนอะไรที่ต้องไล่ล่าคนไม่เกี่ยวข้อง"

"พอพิพิม (ลูกสาวนายพิธา) มึงบอกเด็กไม่เกี่ยว พอลูกคนที่เห็นต่างกับตัวเองนี่ไล่ล่ากะให้เขาไม่มีที่ยืนในสังคม ประชาธิปไตยมาก"

"ไม่ใช่แค่ ส.ว.ที่มีลูก ส.ส.ก้าวไกลก็มี โดยมากอายุยังน้อยกว่า เปราะบางกว่าด้วย ลองเล่นกันไหมล่ะ"

"ตลกมากนะครับ คุณเที่ยวไปไล่ล่า ทำแบบนี้กับทุกคนที่เห็นต่างจริงๆ ตามที่เขาพูดกันจริงๆ สินะครับ"

"โคตรอันธพาล ทำอะไรพ่อเขาไม่ได้ก็ไปทำคนในครอบครัวเขา ก็นิสัยแบบนี้ไง ยังมีหน้าอยากให้เขาสนับสนุน ประชาธิปไตยทิพย์"

"เวลาข่าวสมาชิกพรรคกระทืบผู้หญิง ไม่เห็นทรงพลังกันแบบนี้เลย"

ภายหลังพบว่าผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ @countolaf97 ได้ปิดบัญชีทวิตเตอร์แล้ว

ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @payunerng ของนายพายุ เนื่องจำนงค์ นักการเมืองชาวจังหวัดชลบุรี โพสต์ข้อความระบุว่า "พฤติกรรมการ “ชี้เป้า” ลูกหลานและเครือญาติของ ส.ว.ที่ไม่ยอมโหวตนายกฯ เมื่อวานนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น.. การกระทำจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จากแฟนด้อมที่ไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งกรณีเช่นนี้มันเคยเกิดขึ้นแล้วในทำนองเดียวกันในประเทศอื่นๆ

ที่สุดท้ายแล้วไม่ได้จบแค่การคุกคามทาง social media ของเป้าทั้งหลายโดยแฟนด้อม แต่จะจบด้วยความรุนแรงต่อตัวบุคคลถึงชีวิตหรือทรัพย์สินหากการกระทำเหล่านี้ไม่ได้รับการหยุดยั้ง/ห้ามปราม โดยพรรคหรือนักการเมืองที่แฟนด้อมคลั่งไคล้และรับฟัง

ซึ่งหากถึงวันนั้น..ใครจะออกมารับผิดชอบ?

หรือจะออกมาบอกว่า “ไม่เกี่ยวข้องด้วย” อีก? แล้วปล่อยให้ผู้กระทำผิดโดนดำเนินคดีไป ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าการกระทำเหล่านั้นเป็นอาวุธทางการเมืองให้กับใคร และใครได้ประโยชน์จากมันหากสำเร็จในการใช้การคุกคามกดดันและกดขี่ให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการทางการเมือง.. ควรพอได้แล้วครับ"