กลุ่มผู้สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส่งต่อจดหมายเปิดผนึกของ ส.ว.วุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ อ้างกระแสพระราชดำรัส โหวตให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี อ้างได้รับเสียงข้างมาก และหวังให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย
วันนี้ (8 ก.ค.) บนโซเชียลฯ ในกลุ่มผู้สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แชร์และส่งต่อจดหมายเปิดผนึกของ นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบุว่า "กลไกกระบวนการตามอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบของรัฐสภา ตามครรลองที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้ดำเนินการไปอย่างถูกต้อง ครบถ้วนและเรียบร้อย นับจากวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไปครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
ในโอกาสอันเป็นมหามงคลดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานกระแสพระราชดำรัสที่ทรงคุณค่ายิ่งต่อที่ประชุม และขอใช้โอกาสนี้อัญเชิญบางส่วนของกระแสพระราชดำรัสมาเน้นย้ำให้ได้รับทราบทั่วกันอีกครั้ง...
"...ประเทศชาติ จะมีความเจริญเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับสติปัญญา ความสามารถ และความสุจริตบริสุทธิ์ของท่านที่จะปฏิบัติหน้าที่ทั้งปวง โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด หากทุกท่านจะได้สำนึกตระหนักเช่นนี้อยู่เสมอ ก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จลุล่วง เป็นประโยชน์ เป็นความเจริญมั่นคงของอาณาประชาราษฎร์ และชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง..."
ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่งที่ร่วมอยู่ในรัฐพิธีอันเป็นมหามงคล ขอตั้งปณิธานน้อมนำกระแสพระราชดำรัสข้างต้นมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความเจริญมั่นคงของชาติบ้านเมืองด้วยความแน่วแน่
กรณีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่กำลังจะมีขึ้น และเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหากันอย่างรุนแรง และกว้างขวางเกี่ยวกับความเหมาะสมของบุคคลบางคน อาจเป็นปรากฏการณ์ปกติของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
อย่างไรก็ตาม การแสดงความคิดเห็นในลักษณะรณรงค์ต่อต้าน ขัดขวาง การขึ้นสู่ตำแหน่งของบุคคลบางคน ด้วยการสร้างมายาคติ บนความอคติ โดยก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพบุคคลอื่น ไม่น่าจะเป็นการกระทำที่เหมาะควรอย่างยิ่ง
ความเป็นสมาชิกผู้ทรงเกียรติแห่งรัฐสภา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 เสาหลักของอำนาจอธิปไตยอันประกอบด้วยนิติบัญญัติ-ตุลาการ-บริหาร พึงต้องตระหนักในเกียรติภูมิแห่งความเป็นสมาชิกรัฐสภา และพึงต้องระมัดระวังไม่กระทำการใดๆ ที่อาจเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 113 ว่าด้วย "สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ฝักใฝ่ หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใดๆ" หรือ มาตรา 114 ว่าด้วย "สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์"
เพื่อยืนยันถึงการน้อมนำ และยึดมั่นตามแนวทางในกระแสพระราชดำรัส จึงขอเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์ ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ยืนยันให้การสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในบัญชีพรรคการเมืองที่มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด ได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย ความสมานฉันท์ในบ้านเมือง และธำรงไว้ซึ่งหลักการตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตลอดจนเพื่อความสอดคล้องกับฉันทามติของมหาชน ที่ไปใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566”
ขอแสดงความนับถือ
วุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์
สมาชิกวุฒิสภา
(อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ)"
จดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าวได้รับเสียงชื่นชมในหมู่กลุ่มผู้สนับสนุนนายพิธาจำนวนมาก ถึงกับมีการแชร์และส่งต่ออย่างต่อเนื่อง
สำหรับนายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2491 การศึกษาปริญญาตรี B.A. ECONOMICS. Stephan F.Austin State University และปริญญาโท M.A. ECONOMICS. DEVELOPMENT University of Arkansas อาชีพ ข้าราชการบำนาญ เคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2549-2550, เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปี 2534-2535, กรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 12 (กฎหมายการคลัง), ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและนโยบายการคลัง ปี 2540, กรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 3 (กฎหมายการเงิน), ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการตรวจสอบ, ประธานกรรมการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร และประธานกรรมการตรวจสอบและประเมินผลประจำสำนักนายกรัฐมนตรี