“สนธิ” ชี้เบื้องหลังเจตนารมณ์เปลี่ยนวันชาติ จาก 5 ธันวาฯ เป็น 24 มิถุนาฯ ชัดเจนว่าต้องการลดทอนความสำคัญของสถาบันฯ และเชิดชู “คณะราษฏร” ที่ยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์ในปี 2475 ขึ้นมาแทน แฉ “ธนาธร” ใช้นิตยสาร “ฟ้าเดียวกัน” ปลุกปั่นเรื่องนี้มาตั้งแต่ 19 ปีก่อน
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของข้อเสนอเปลี่ยนวันชาติจากวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันที่ 24 มิถุนายน ตามที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ได้พูดบนเวทีอภิปรายสาธารณะหัวข้อ “ชาติ ศาสนา พระมหาษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ” เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
บนเวทีดังกล่าวมีผู้ร่วมอภิปราย คือนายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต “เพนกวิน” นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำราษฎร และ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในตอนหนึ่ง นายรังสิมันต์ กล่าวอภิปรายว่า เราต้องจดจำให้วันนี้เป็นวันสำคัญและมีคุณค่า น่าเสียดายที่สุดท้ายการเฉลิมฉลองวันชาติถูกบ่อนเซาะทำลายในหลายครา มีความพยายามรื้อฟื้นหลายครา แต่ยังห่างไกลจากความเป็นวันชาติจริงๆ
นายรังสิมันต์ พูดว่า แม้ว่าวันนี้ในทางการจะไม่ใช่วันชาติ แต่ตลอดประสบการณ์การได้เห็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย มันยากจริงๆ ทำให้เราระลึกอยู่ในหัวใจว่าประชาธิปไตยมีความหมายสำหรับพวกเรามากขนาดไหน และนี่คือความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้เราจะไปยังไม่ถึงฝั่งฝัน แต่อย่างน้อยที่สุดเรารู้ว่ามันมีความหมายต่อสิทธิการพูด การแสดงออกขนาดไหน "ก็หวังว่าวันที่ 24 มิถุนายน หลังจากนี้ไป จะกลายเป็นวันชาติ ที่เรามาร่วมเฉลิมฉลอง แต่เราสัญญา จะไม่กลับถอยหลังไปสู่ยุคเผด็จการอีกต่อไป"
คำพูดของนายรังสิมันต์ โรม สอดคล้องกับกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ประชาธิปไตย ที่ออกมาทวงถามสัญญาเรื่องค่าแรงที่ก้าวไกลให้ไว้ก่อนเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 ที่ทำการพรรคก้าวไกล ตัวแทนกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ประชาธิปไตย เดินทางเข้ายื่นข้อเรียกร้องวาระเร่งด่วนทำทันทีแก้ปัญหาความเดือดร้อนผู้ใช้แรงงาน และการทวงคืนวันชาติไทย มีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ
1.ประกาศให้วันที่ 24 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันชาติไทย ที่มีการเฉลิมฉลองสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตย ตรวจสอบการทำลายหมุดคณะราษฎร และอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ เพื่อนำคืนหรือสร้างขึ้นมาใหม่ตามคุณค่าความหมายแห่งสัญลักษณ์ประชาธิปไตยฯ
2.ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 450 บาท และเป็นการส่งเสริมเสรีภาพการรวมกลุ่มสหภาพแรงงานเป็นวาระเร่งด่วน ทำทันทีตามที่หาเสียงไว้
3.เพิ่มเงินเบี้ยผู้สูงอายุ จากเดือนละ 600 บาท เป็น 3,000 บาท
4.ลดราคาพลังงานด้านน้ำมันรถยนต์ ลดราคาไฟฟ้า การเดินทางโดยสารสาธารณะทุกประเภท
5.แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
ประเด็นเรื่องนี้เมื่อออกจากปากของแกนนำพรรคก้าวไกล อย่างนายรังสิมันต์ โรม ก็มีคนออกอาการตกใจและส่งเสียงคัดค้านอย่างรุนแรง คนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลด้วยความไร้เดียงสา ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อฟังคลิปวิดีโองานเสวนา ต้องก้มหน้ายอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง
เรื่องการเปลี่ยนวันชาตินี้ ทำให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งแต่ไหนแต่ไรแล้วจะสงวนท่าที ออกแรงสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้เศรษฐา ทนไม่ไหว
วันที่ 27 มิถุนายน 3 วันให้หลัง นายเศรษฐา บอกว่า "วันชาติเป็นวันเดิมดีอยู่แล้ว เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราจะมามองปัญหาการเปลี่ยนวันชาติทำไม ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น ประชาชนเลือกเรามา ไม่ได้เลือกเพื่อให้เราทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เรามีจิตใจเป็นประชาธิปไตย ยึดโยงประชาชน วันนี้เอาเวลาไปทำงานเพื่อปากท้องประชาชนดีกว่า"
วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี วันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เราถือว่าเป็นวันพ่อแห่งชาติ และถือว่าเป็นวันชาติ จึงถือว่าวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันสำคัญของประเทศไทย เป็นมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเป็น
“คุณรังสิมันต์และพรรคพวก คุณจะเปลี่ยนวันชาติ จากวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ล้มระบอบกษัตริย์โดยคณะราษฎร ผมเคยอธิบายไปละเอียดแล้ว ว่าวันที่ 24 มิถุนายน 2475 มันไม่ใช่วันที่ฟ้าเป็นสีทองผ่องอำไพ หรือพวกฮีโร่คณะราษฎร หรอก
“ท่านผู้ชมเคยฟังผมพูดแล้วใช่ไหม ผมเอาหลักฐานมาพูดชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน ว่า 24 มิถุนายน 2475 มันเป็นวันที่คณะโจรโผล่ออกมาเพื่อปล้นสมบัติของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีคุณูปการและบุญคุณต่อสังคมไทยมายาวนานนับร้อยปี ปล้นเสร็จ เอาไปแบ่งสรรกัน แบ่งสรรไม่ลงตัวก็ยื้อยุดฉุดกระชากฆ่าฟันกันเอง เหมือนโจรแบ่งสมบัติ” นายสนธิ กล่าว( อ่าน"2475 คณะราษฎร หรือ คณะโจร?" “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันที่ 30 ตุลาคม 2563)
นายสนธิ กล่าวต่อ ว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กับนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" ได้ปั่นประเด็นเปลี่ยนวันชาติมาตั้งแต่ปี 2547 หรือ 19 ปีที่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่วางแผนกันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ยังละอ่อนอยู่ จนกระทั่งเริ่มเจริญเติบโต ไปขายข้อมูลเท็จให้ประชาชนที่หลงเชื่อ
ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนวันชาติ จากวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันที่ 24 มิถุนายนนั้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" และเจ้าของพรรคก้าวไกลที่แท้จริง พยายามปลุกปั่นมานานแล้ว
ปกนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2547 พาดหัวว่า “จาก 24 มิถุนา ถึง 5 ธันวา ความสำเร็จและล้มเหลวของอุดมการณ์รัฐแบบใหม่ผ่านประวัติศาสตร์วันชาติ” เนื้อหาอ้างว่า วันชาติไทย คือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นประชาธิปไตย จนถึง 2503 จึงยกเลิกวันชาติ 24 มิถุนายนไป แล้วแทนที่ด้วยวันชาติซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 9
นายรังสิมันต์ โรม แกนนำพรรคก้าวไกล ก็รู้เรื่องพวกนี้ดี เมื่อมีคนออกมาทักท้วงก็แก้ตัวว่า การที่พรรคก้าวไกลมีดำริในการเปลี่ยนวันชาตินั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือพูดง่ายๆ ว่า เรื่องนี้พวกเขาไม่ได้เพิ่งคิด หรือลงมือกระทำกันก่อนเลือกตั้ง หรือ 1-2 ปีที่ผ่านมา เขาวางแผนกันมาเป็น 10-20 ปีแล้วว่าจะต้องล้มล้างและด้อยค่าสถาบันหลักของชาติให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิถีทางไหน หรือวิธีการใดก็ตาม
“ผมอยากจะเรียนถามด้วยความสัตย์จริงไปยังพรรคร่วมรัฐบาลอีก 7 พรรค และผู้บริหารของทุกๆ พรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ ที่กำลังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการแบ่งแยกดินแดน พรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคเสรีรวมไทย ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ ผมถามอย่างนี้ ท่านหัวหน้าพรรคทั้งหลาย ตั้งใจฟังดีๆ พวกคุณจะร่วมกับพรรคการเมืองที่แสดงจุดประสงค์ชัดเจนว่าต้องการล้มล้างสถาบันหลักของชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แบ่งแยกประชาชนตั้งแต่ระดับสังคม ลงไปถึงรั้วโรงเรียน ภายในครอบครัว นักเรียนกับครู ลูกกับพ่อแม่ สร้างความแตกแยกทางเชื้อชาติ ความบาดหมางระหว่างความเชื่อและศาสนา คุณยังมองไม่เห็นอีกหรือ คุณโง่เขลาเบาปัญญาและเหลวไหลถึงขนาดที่คุณมองไม่ออกเชียวหรือว่า พรรคก้าวไกลที่คุณเข้าไปซบกับเขาเพียงเพื่อต้องการที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ตำแหน่งรัฐมนตรีมันช่างหอมหวานมากกว่าความพินาศฉิบหายของประเทศไทย และคุณมีส่วนร่วมในการทำให้ประเทศไทยพินาศฉิบหายด้วย
“ผมฝากไปถึงคนที่ผมเคยรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็ไหนบอกว่าพรรคก้าวไกลเขาจะไม่เอาเรื่อง 112 เข้ามาแล้วไง แต่เมื่อวานซืน คุณพิธา เพิ่งจะพูดเองว่าเขาได้ฉันทามติจากประชาชน 14 ล้านคน เพราะฉะนั้นเขาจะผลักดันมาตรา 112 ผมอยากให้สังคมไทยรับรู้ ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ หรือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ คนซึ่งเป็นอดีต ผบ.ตร. มีส่วนในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์เช่นกัน พวกคุณจะว่าอย่างไร ถ้าปล่อยอย่างนี้ไปเรื่อยๆ บ้านเมือง ประเทศชาติที่เราและครอบครัวเราอยู่ อาศัยอย่างเป็นสุข มันจะไม่ลุกเป็นไฟหรืออย่างไร
“นอกจากนี้แล้ว การที่คุณพิธา กับพรรคก้าวไกล อ้างฉันทามติคน 14 ล้านคน ที่เลือกพรรคมาเพื่อจะล้มมาตรา 112 พิสูจน์ชัดเจน ไปเช็กได้เลย พิธา พูดอย่างนั้นจริงๆ พิธาเป็นคนที่พูดจากลับกลอกมานานแล้ว แต่ครั้งนี้เขาพูดอย่างจริงจังว่าเขามีตั้ง 14 ล้านคน ผมพูดไปแล้วไง ผมจะถามพ่อแม่พี่น้อง หรือคนภูเก็ต ระยอง จันทบุรี ตราด ที่เลือกก้าวไกลยกเขต คนกรุงเทพฯ ด้วย พวกคุณ ทั้งคนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ ที่เลือกก้าวไกล สรุปแล้วคุณเลือกก้าวไกลเพื่อที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ใช่หรือไม่” นายสนธิกล่าว