เพจ "เรื่องเล่าหมอชายแดน" เผยประสบการณ์รับราชการมากว่า 20 ปี เผยระบบสาธารณสุขไทยมีปัญหาตั้งแต่ปีแรก ยอมรับภาระงานของแพทย์และ Intern หนักเกินเงินเดือน อีกทั้งนโยบายที่น่าอึดอัดของโรงพยาบาล
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. เพจ "เรื่องเล่าหมอชายแดน" ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นภาระงานที่มากเกินไปของแพทย์และ Intern งานหนัก เงินน้อยไม่สมกับภาระงาน โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า
"ต้องบอกก่อนว่าที่เขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวจากสถานการณ์จริงๆ ที่เป็นอยู่ อาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจใครก็ได้..ก็เชิญอ่านดูเพลินๆ ค่ะ
มาเกาะกระแสการ Call out ของแพทย์และ Intern เรื่องภาระงานที่มากเกินไป มันเป็นความจริงค่ะ..เรื่องระบบที่โหลดงาน งานหนัก เงินน้อยไม่สมกับภาระงาน ทำงานแล้วอึดอัดกับนโยบายและผู้บริหารหลายระดับ ปัญหามีช้านานแล้ว นี่ฉันรับราชการเข้าปีที่ 20 ปัญหานี้ก็มีมาตั้งแต่ปีแรกที่เข้ารับราชการ ที่ได้รับรู้มามีความพยายามในการแก้ไขจากหลายหน่วยงานไม่ถึงกับนิ่งดูดาย แต่มันเป็นปัญหาใหญ่มาก เรื้อรังและยาก แก้ตรงหนึ่งก็ไปสร้างปัญหาอีกที่หนึ่ง เช่น ลดภาระงาน Intern ก็ไปเพิ่มงานของแพทย์สตาฟอย่างเลี่ยงไม่ได้ มันจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่เสร็จสักที
ระบบสาธารณสุขไทย คือ เข้าถึงง่าย เป็นมิตรกับคนไข้ คนไข้จึงมาใช้บริการมาก มองในแง่ดีคือ คนไข้ก็ได้รับการรักษารวดเร็ว รอดชีวิต มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และที่สำคัญคือ ฟรี .. ประเทศอื่นเขาก็อิจฉาเรานะในระบบอุดมคตินี้ คนชมกันเยอะ แต่ข้อเสียคือ ภาระงานที่ตกลงบนหลังของบุคลากรจนแอ่น ไม่ได้มีปัญหาเฉพาะแพทย์นะ ขาดแคลนไปทุกระดับ ในมุมมองของฉันพยาบาลมีปัญหามากกว่าเสียอีก ในขณะที่งานหนักแต่คนส่วนใหญ่ก็ยังทำงานในระบบด้วยเหตุผลต่างๆ กันไป เพราะ รัก ชอบ ถูกจริต อดทน หรืออาจไม่มีทางไป ส่วนหนึ่งทนไม่ไหวก็ลาออกไปทำอย่างอื่น ภาพแบบนี้มันไม่ได้เกิดกับแค่สาธารณสุขนะ..มันเกิดกับทุกองค์กรนั่นแหละ มันเลยเกิดคำถามว่า ..จริงๆ คนมันไม่พอ หรืองานมันถาโถมเข้ามามากเกินไป หรือเกิดการว่างงานกินแรงกันในระบบ ค่าแรงไม่สมดุลกับแรงที่ลงไปหรือเปล่า ผู้บริหารระดับสูงหรือระดับโรงพยาบาลก็ต้องลงมาจัดการให้มันสมดุลกัน การแก้ไขระบบมันไม่ใช่ง่าย ใช้เวลานานแต่ถ้าเริ่มมันคงเห็นความเปลี่ยนแปลงบ้างล่ะ ตอนนี้แก้ไขฉุกเฉินได้เลยคือ ผลิตเพิ่มไปก่อนแต่ก็ต้องมีคุณภาพด้วยนะ เพิ่มแรงจูงใจในการทำงาน เช่นเพิ่มค่าตอบแทน เพิ่มเวลาพักผ่อนให้มากขึ้น ทำระบบให้เป็นระบบที่มี safe zone ไม่ใช่ระบบลูกไก่ที่จะบีบก็ตายจะคายก็รอด
เรื่องการลาออกของหมอใหม่มันมีหลายปัจจัยนะ ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดจากระบบไม่ดีอย่างเดียว อาจจะเกิดจากปัจจัยตัวเอง ปัจจัยครอบครัว การแก้ปัญหาแบบฉุกเฉินฉันว่าเรามาสร้างระบบการดูแล Intern ที่ดีดีกว่า ก่อนอื่นอยากบอกน้องๆ ว่า การเป็นหมอ 1 คนมันมี evolution คือตอนเป็นหมอเด็กๆ เรามีแรงอยู่ อยู่เวรหามรุ่งหามค่ำยังสดใส พอแก่ตัวไปมันไม่ไหวแล้วนะ งานของ intern และงานของสตาฟมันคนละแบบกัน สตาฟยังมีงานบริหารเข้ามานอกเหนือจากการตรวจคนไข้ intern จะเป็น 1st call เสมอถ้าไม่เจอคนไข้เป็นคนแรกเราก็จะไม่ได้คิดด้วยตนเอง สตาฟรับคอนซัล สอน แนะนำ น้องๆ ก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปจนครบปี ตอนแรกมันก็ต้องเครียดมากเพราะต้องปรับตัวกับทุกอย่าง ผ่านสามเดือนแรกไปได้อะไรๆ ก็จะลงตัวมากขึ้น สตาฟส่วนใหญ่ก็ตั้งใจดูแลน้องๆ เพราะถือว่าเป็นทีมเดียวกัน เป็นพี่น้องกัน แต่ก็มีบ้างที่ไม่พร้อมสอนมันก็ธรรมดามนุษย์ เราก็ใช้ต้องงัดทักษะในการดีลกับคนเหล่านี้ให้สำเร็จ ในฐานะสตาฟผู้ดูแล intern มานักต่อนัก ในโรงพยาบาลที่ขึ้นชื่อว่างานหนัก งานโหดติดอันดับของประเทศ และเมื่อถูกประเมินจากส่วนกลางทีไรก็เป็นโรงพยาบาลสีแดง ที่จัดภาระงานให้ intern มากเกินไปไม่เหมาะสม (อันนี้ไม่ได้ภูมิใจนะ) แต่เมื่อส่วนกลางจัดสรรโควตาแพทย์ intern มาให้โรงพยาบาลเรามีน้องๆ เลือกเต็มอัตราตลอด..ปีนี้เราได้น้อง 13 คน มีจากต่างประเทศ 4 คน รวมเป็น 17 คนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ..ทุกคนรู้กิตติศัพท์ของโรงพยาบาลนี้แต่ก็ยังเลือกมา เชื่อว่าพวกเขาเตรียมตัวมาแล้วล่ะ จังหวัดเราพาน้องท่องเที่ยวในจังหวัดไปทุกอำเภอตลอดสัปดาห์ให้น้องเห็นถึงความไกลและความลำบาก มีระบบสตาฟพี่เลี้ยงที่ดูแลน้องใกล้ชิด น้องมีปัญหาอะไรสามารถ ventilate ได้ทันที บางอย่างก็บอกน้องให้อดทน บางอย่างไม่ยุติธรรมก็ออกไป fight ให้น้องอย่างดุเดือด มีห้องพักให้น้องๆ อย่างดีกระจายอยู่ทุกวอร์ดทั่วโรงพยาบาลให้แอบงีบหากอยู่เวรมากเกินไป บ้านพัก intern อยู่ตรงกลางโรงพยาบาลเดินไปวอร์ดใช้เวลาแป๊บเดียว ขอเพียงอย่างเดียว แลกกับการตั้งใจปฏิบัติงาน ดูแลผู้ป่วยด้วยมาตรฐานวิชาชีพ และทำงานร่วมกับเราเป็นทีม มาอยู่กับเราเราก็ไม่ได้อยากให้น้องๆ ประทับใจจนซาบซึ้งหรอก หวังเพียงว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งให้น้องๆ เป็นหมอที่สมบูรณ์แค่นั้นเอง
แก้ปัญหาเก่าๆ แบบฉุกเฉินอะไรไม่ได้ตอนนี้..เรามาช่วยกันสร้างระบบการดูแล Intern และการดูแลแพทย์ในองค์กรให้ดีดีกว่าค่ะ ระบบที่ดีไม่ใช่ระบบที่งานเบา หรืองานน้อย แต่เป็นระบบที่ช่วยเหลือกันทำงาน ไม่จับผิดกัน ไม่กินหัว ไม่ bully กัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย และมีสวัสดิการที่ดีค่ะ"