xs
xsm
sm
md
lg

"พรรคเส้นด้าย" ประกาศสู้กับระบบเส้นสาย หวังแค่ได้เข้าไปพูดในสภาฯ ก็ประสบความสำเร็จแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"หัวหน้าพรรคเส้นด้าย" แจงแยกทาง "ก้าวไกล" เหตุแนวคิดทางการเมืองไม่ตรงกันเรื่องรัฐสวัสดิการ ชี้ตนต้องการให้ชาวบ้านเลิกพึ่งพารัฐ ลั่นสู้กับระบบเส้นสาย ผลักดันเศรษฐกิจเสรี ไม่หวังเป็นรัฐบาล แค่ได้เป็นตัวแทนเข้าไปพูดในสภาฯ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว



วันที่ 5 เม.ย. 2566 นายคริส โปตระนันทน์ หัวหน้าพรรคเส้นด้าย ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "พรรคเส้นด้าย ทางเลือกของคนไม่มีเส้น"

นายคริสกล่าวในช่วงหนึ่งว่า ความมุ่งหวังในการก่อตั้งพรรคเส้นด้าย สิ่งที่ตนผลักดันมาตลอดตั้งแต่ก่อนเข้าการเมือง ก็คือสอนกฎหมายป้องกันการผูกขาด และเป็นวาระส่วนตัวของตน ตนรู้สึกว่าการผูกขาดในประเทศไทยมันแย่มาก และไม่มีใครเข้าไปจัดการมัน

ในช่วงปี 61 ได้คุยกับอาจารย์ปิยบุตร และก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 5 ปีแล้ว แต่วันนี้วิธีคิดทางการเมืองต่างและสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมหลายอย่าง มันกำลังบอกตนว่าพรรคก้าวไกลน่าจะไม่ใช่คำตอบเดียวของสังคมอีกแล้ว ตนเคยเชื่อในสิ่งที่อนาคตใหม่หรือก้าวไกลพูด หลายๆ อย่างมันไม่สะท้อนความคิดทางการเมืองของตน จึงลาออกเมื่อ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อทำพรรคของตัวเอง โดยร่วมกับคนที่ทำงานกันมาตั้งแต่สมัยโควิด นั่นก็คือกลุ่มเส้นด้าย

วันนั้นถึงวันนี้เราชนะโควิดแล้ว แต่ที่ยังไม่ชนะคือเราเคยประกาศว่าจะต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำ เรารู้สึกว่าสิ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำจริงๆ คือระบบเส้นสาย แล้ววันนี้เส้นสายสู้กับเส้นด้ายอะไรจะชนะ

นายคริสกล่าวอีกว่า คนไทยต้องการพรรคการเมืองที่มีแนวทางต่างจากพรรคอื่น อย่างเช่นเรื่องบัตรสวัสดิการ การแจกเงิน หรือนโยบายประชานิยม หลังจากตนได้สัมผัสกับชาวบ้านมันไม่ใช่คำตอบ ช่วงโควิดสิ่งที่เส้นด้ายทำเราไม่เคยขอความช่วยเหลือจากรัฐ นอกจากนี้ยังมีอาสาเกิดขึ้นทั่วประเทศไทยเต็มไปหมด ความเป็นพลเมือง ACTIVE CITIZEN จริงๆ มันเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย เพียงแต่ว่าพรรคการเมืองไม่สามารถเข้าไปจัดการ รับแนวคิดนั้นเข้ามาได้ เพราะพรรคการเมืองทุกพรรคยังเป็นแบบเดิม คือพรรคที่มีเจ้าของ ไม่ว่าจะอยู่ในฝั่งประชาธิปไตยหรือเผด็จการ

เมื่อถามว่าตอนโควิดทำไมขับเคลื่อนในนามอาสาสมัครไม่ใช่ในนามพรรคการเมือง นายคริสกล่าวว่า ตนพยายามแล้ว การขับเคลื่อนในนามพรรคต้องใช้กลไกหลายอย่าง อันที่หนึ่งต้องให้ผู้บริหารพรรคเชื่อในสิ่งที่เราเชื่อ ถ้าไม่เชื่อเราก็ต้องพยายามหาสมาชิกเพื่อเปลี่ยนผู้บริหาร แต่ต้องเรียนตามตรงว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้มีกลไกทางประชาธิปไตยในพรรคที่จะสามารถทำให้สมาชิกเปลี่ยนผู้บริหารได้

เพราะฉะนั้นไม่สามารถผลักดันแนวคิดได้ ถ้าเขาไม่เชื่อสิ่งที่เราเชื่อก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ หลังจากตนออกมาก็มีหลายพรรคติดต่อมา แต่เงื่อนไขที่ตกลงกันไม่ได้ก็คือแนวคิดที่ไม่ตรงกัน พวกพรรคใหญ่ๆ คิดอย่างเดียวว่าประชาชนต้องพึ่งพิงรัฐต่อไป แนวคิดแบบนี้ การแจกเงิน อุดหนุนพืชผลทางการเกษตร ทำให้ประชาชนต้องพึ่งพิงรัฐตลอดไป ถ้ายังต้องพึ่งพิงนักการเมืองต่อไป ประเทศเจริญไม่ได้เลย

ตนได้คุยกับชาวบ้าน เขาบอกว่าหางานให้ผู้สูงอายุทำดีกว่า ยั่งยืนกว่า แต่พรรคอื่นๆ กลับเน้นเสนอบำนาญถ้วนหน้า แบบนี้จะทำให้ระบบการออมของประเทศไทยสูญเสียไปหมด จะไม่มีใครเก็บเงินหลังเกษียณ

นายคริสกล่าวด้วยว่า ตนเป็นพรรคเล็กไม่ได้เป็นรัฐบาลหรอก แต่ก็หวังจะได้เข้าไปพูดในสภาฯ ให้คนตัวเล็กที่เป็นตัวแทนได้พูดในสิ่งที่ถูกต้อง ที่พรรคใหญ่ไม่กล้าพูด และนี่คือเหตุผลว่าทำไมไม่ไปรวมกับพรรคอื่น เพราะพรรคอื่นพูดไม่ได้

ก้าวไกลซึ่งผลักดันรัฐสวัสดิการ แต่ตนไม่สนับสนุน วิธีคิดไม่ตรงกันเลยจำเป็นต้องออกมาผลักดันวาระของตัวเอง นั่นคือ สู้กับระบบเส้นสาย ผลักดันเศรษฐกิจเสรี เอาผลประโยชน์ของชาติเป็นใหญ่ แค่ได้เข้าไปพูดแค่นั้นก็ประสบความสำเร็จแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น