“สนธิ” หวั่นคดี “แทนไท” เอี่ยวเว็บพนัน-ฟอกเงิน อาจกลายเป็น “บอส อยู่วิทยา 2” เมื่ออัยการสูงสุดคนก่อนสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา ทั้งที่คำพิพากษาศาลแพ่งชี้ชัดๆ แจงที่มาของทรัพย์สินไม่ได้ แนะ “นารี ตัณฑเสถียร” อสส.หญิงคนแรกนำเรื่องนี้มาทบทวนใหม่
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงคดีนายแทนไท ณรงค์กูล เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์และฟอกเงิน ว่า อาจจะเป็น "บอส อยู่วิทยา ภาค 2" หรือไม่ โดยคำพิพากษาศาลแพ่ง คดีหมายเลขดำ ฟ. 50/2564 และคดีหมายเลขแดง ฟ. 101/2565 คดีนี้ศาลแพ่งพิพากษาเมื่อ 16 สิงหาคม 2565 หรือ 6 เดือนให้หลัง หลังจากที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565
บทสรุปของคำพิพากษาศาลแพ่งฉบับนี้คือ มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์นายแทนไท และพวก จำนวน 176 ล้านบาท โดยในคำพิพากษาชี้ให้เห็นว่าคำแก้ตัวและร้องค้านของนายแทนไท พ่อและแม่นายแทนไท และผู้เกี่ยวข้องอีก 8 คนนั้น ฟังไม่ขึ้น
คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องของอัยการนั้นไม่เกี่ยวกับคดีแพ่ง ซึ่งอ้างอิงถึงพระราชบัญญัติฟอกเงิน 2542 คำพิพากษาของศาลแพ่งในหน้าที่ 39 ระบุว่า แม้อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้คัดค้านที่ 1 ก็คือนายแทนไท ในข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันผ่านระบบอินเทอร์เน็ตโดยผิดกฎหมาย หรือร่วมกันฟอกเงิน แล้วก็ตาม แต่พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เป็นกฎหมายที่กำหนดความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ซึ่งมีโทษทางอาญาและมาตรการทางแพ่ง ให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
โดยมาตรการทางแพ่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินดังกล่าว มิใช่ความรับผิดชอบทางแพ่งตามความหมายของคำว่า การพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพียงแต่ในการพิจารณาและพิพากษาคดีร้องขอทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดินนั้น บัญญัติไว้ในมาตรา 59 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว คือ ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่านั้น ทั้งนี้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าผู้คัดค้าน หรือจำเลยในคดีอาญา ได้กระทำความผิด หรือศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีอาญาหรือไม่
พยานหลักฐานของผู้คัดค้านที่ 1 คือ นายแทนไท ที่นำสืบมา ล้วนมีน้ำหนักน้อยมาก ไม่สามารถหักล้างข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 51 วรรคสาม ได้
นายสนธิกล่าวว่า มีคนในวงการยุติธรรม อดีตหัวหน้าองค์คณะศาลฎีกา และเคยเป็นกรรมการตุลาการ เมื่อได้อ่านคำพิพากษาศาลแพ่งอย่างละเอียดแล้ว บอกว่า คำพิพากษาศาลแพ่งนั้นเหมือนกับเป็นการตบหน้าอัยการสูงสุดในยุคของนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่จะเกษียณอายุไปนั้น สำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง ปล่อยผีเจ้าของเว็บพนันระดับตัวใหญ่ๆ ไปหลายคน
“ในประเด็นดังกล่าวผมขอเรียกร้องให้อัยการสูงสุดคนใหม่ คือ คุณนารี ตัณฑเสถียร ซึ่งถือว่าเป็นอัยการสูงสุดผู้หญิงคนแรก หยิบเรื่องนี้ออกมาทบทวน ปัดฝุ่นเสียใหม่ ก่อนที่เรื่องนี้จะกลายเป็นคดี "บอส อยู่วิทยา ภาค 2" เพราะจากคำพิพากษาของศาลแพ่ง และข้อมูลที่ผมมีอยู่ในมือนั้น คดีนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องและสะท้อนความเลวร้ายเฉพาะแวดวงอาชญากรรม การพนันออนไลน์ แต่ยังเกี่ยวพันไปถึงตำรวจ ปปง. แวดวงอัยการ และ แวดวงศาลบางคน เรียกว่าในทุกระดับชั้นของกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ เลยไปถึงนักการเมืองบางคนด้วย”นายสนธิกล่าว
นายสนธิยังได้เปิดเผยไฮไลต์บางส่วนของคำพิพากษาศาลแพ่ง ในคดียึดทรัพย์นายแทนไท กับพวก ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยระบุว่าคดีนี้อัยการสูงสุดเป็นผู้ร้อง นายแทนไท ณรงค์กูล เป็นผู้คัดค้านที่ 1 บริษัท แทนไท อินดัสตรี้ส์ และ บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ เป็นผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 ผู้คัดค้านที่ 4 คือพ่อและแม่ของนายแทนไท คือ นายอรุวัช ณรงค์กูล และ นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล ทั้งสองคนทำงานที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยพ่อ นายอรุวัช ณรงค์กูล ทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งช่างสำรวจ ได้เงินเดือน 17,000 บาท แม่ คือนางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล เป็นพนักงานราชการ สังกัดสำนักจัดการที่ดินป่าไม้ กรมป่าไม้ เงินเดือนอัตราสูงสุด 25,440 บาท
“ศาลบอกว่า จู่ๆ พ่อและแม่นายแทนไท ก็มีเงินออมเพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท กับ 10 ล้านบาท ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ขณะที่พ่อไม่มีประวัติการเสียภาษีเลย โดยอ้างว่ารายได้ไม่ถึงปีละ 200,000 บาท ซึ่งศาลไม่เชื่อว่าได้เงินมาถูกต้องตามกฎหมาย จึงถูกยึดทรัพย์ในบางส่วนไปด้วย”
ส่วนนายแทนไทได้อธิบายให้ศาลฟังสาเหตุที่ไปเกี่ยวข้องกับเงินทองและความร่ำรวยของตัวเอง โดยอ้างว่าชอบทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 17 เมื่อประมาณปี 2556 นายแทนไท เริ่มขายขนมจีบ และผลิตเสื้อขนมจีบแทนไทขาย จนประมาณ 2558 มีรายได้คงที่หลายแสนบาทต่อเดือน และมีเงินเก็บ จึงก่อตั้งบริษัทผู้คัดค้านที่ 3 คือ บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ จำกัด มีบิดา-มารดาเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท นอกจากนี้ นายแทนไท ยังเอาเงินจากธุรกิจขายขนมจีบประกอบธุรกิจมาเป็นนายหน้าด้านการตลาด มีรายได้ปีละ 20-30 ล้าน จากนั้นเอาเงินไปลงทุนในธุรกิจค้าเงินล่วงหน้าและเทรดค่าเงิน FOREX ได้กำไรมาตั้ง 334 ล้านบาท นอกจากนี้แล้ว ยังนำเงินกำไรจากการเทรด FOREX ไปลงทุนซื้อขายคริปโตฯ กับ "บิทคับ" (bitkub) ออนไลน์ ได้กำไรอีกหลายสิบล้านบาท
สตอรี่ที่มาของความร่ำรวยของนายแทนไท ที่เจ้าตัวกล่าวอ้างนั้น คำวินิจฉัยและคำพิพากษาศาลแพ่ง ไม่เชื่อถือ และระบุชัดเจนว่า "ไม่สมเหตุสมผล" นอกจากนี้ ยังไม่มีหลักฐานการเสียภาษีอีกด้วย
ใจความของศาลแพ่งระบุอีกว่า “จะเห็นได้ว่ากรลงทุนซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้าหรือ เทรดค่าเงินระหว่างประเทศ (Forex) ที่นายแทนไทกล่าวอ้างว่าสามารถทำกำไรในช่วงระยะเวลา 1 ปี 10 เดือนเศษ เป็นเงินสูงถึง 334,206,390 บาท นับเป็นเรื่องเกินคาดหมายตามปกติที่บุคคลจะสามารถลงทุนด้วยเวลาไม่นาน แต่ได้กำไรเป็นยอดเงินสูงมากถึง 300 ล้านบาทเศษ แต่ผู้คัดค้านที่ 1 กลับไม่นำพยานบุคคลผู้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการลงทุนซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า หรือ เทรดค่าเงินระหว่างประเทศ (Forex) มาเบิกความยืนยัน ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญในคดีผู้คัดค้านที่ 1 คือนายแทนไท
“คงมีเพียงนายวรวัฒน์ นาคแนวดี ซึ่งเป็นพยานนำของผู้คัดค้านที่ 1 เบิกความกล่าวอ้างตนเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทางด้านการเงินและการซื้อขายล่วงหน้าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินระหว่างประเทศสนับสนุนเท่านั้น ... ส่วนที่นายแทนไท นำสืบว่าไม่ได้ยื่นภาษีเงินได้ จากการซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า เพราะไม่มีความรู้ว่าจะต้องเสียภาษีหรือไม่อย่างไร เพราะไม่อยู่ในระบบภาษีของประเทศไทยนั้น ก็เป็นเพียงความเข้าใจส่วนตัวของนายแทนไทเอง ส่วนความจริงเป็นอย่างไรนั้น นายแทนไทก็มิได้นำสืบให้ข้อเท็จจริงปรากฏทั้ง ๆ ที่อยู่ในวิสัยที่จะทำได้ด้วยการขอให้ศาลหมายเรียกเจ้าพนักงานกรมสรรพากรมาเบิกความ ...”
“นอกจากนี้เมื่อพิจารณาช่วงระยะเวลานับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 ถึงเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผู้คัดค้านที่ 1 ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองรถยนต์ตามทรัพย์สินรายการที่ 5-9 รวม 5 คัน ซึ่งล้วนเป็นรถยนต์ราคาแพง มีราคารวมกันเป็นเงินสูงถึง 100 ล้านบาทเศษ นับว่ามีความน่าเคลือบแคลงสงสัยว่า ในช่วงเวลาเพียง 1 ปีเศษ ผู้คัดค้านที่ 1 ได้เงินจำนวนมากดังกล่าวมาจากไหน อย่างไร”
นายสนธิกล่าวว่า นี่เป็นรายละเอียดบางส่วน ของคำพิพากษาศาลแพ่งเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 ที่สั่งใฟ้ยึดทรัพย์นายแทนไท พ่อแม่ และญาติ 176 ล้านบาท จากการกระทำความผิดที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับการฟอกเงิน และเชื่อมโยงกับการพนันออนไลน์ ส่วนรายละเอียดฉบับเต็มมีความหนา 53 หน้า จะนำมาเปิดเผยในวันศุกร์หน้าให้เห็นถึงที่มาที่ไปของคนชื่อ แทนไท ณรงค์กูล ยิ่งขุดลึกลงไป ยิ่งฉีกหน้ากากลงไป ยิ่งจะเห็นความฟอนเฟะของสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ตนจะเปิดให้หมด เอาแบบสุดซอยไปเลย